หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินชื่อ Tesla มาบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ซึ่งชื่อนี้มาจาก Tesla Motor บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Elon Musk  ภายใต้จุดหมุ่งหมายที่จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะมาเขย่าวงการอย่างเช่นรถยนตร์พลังงานไฟฟ้าซึ่งถือเป็นพลังงานทางเลือกที่จะส่งกระทบต่อโลกน้อยลงและสร้างการคมนาคมและการผลิตพลังงานที่ยั่งยืน

ซึ่งรถที่เปิดตัวออกมานั้นก็สร้างยอดขายได้เป็นที่น่าพอใจ โดยช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ทำยอดขายไปได้ 10,030 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 55% สะท้อนเทรนของตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังเป็นเทรนด์มาแรงในสังคมโลก ทั้งยังได้รับรางวัลจากหลากหลายหน่วยงานทั้งรางวัลด้านสิ่งแวดล้อม Global Green และ รางวัลด้านการออกแบบ Index Design Award ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายๆ ค่ายรถให้ความสนใจมาร่วมทุนอีกต่างหาก

แต่ว่านอกเสียจากการผลิตรถยนตร์แล้ว Tesla Motor เองก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของพลังงานมากๆ ล่าสุดเขาได้ต่อยอดไอเดียเปิดตัวโปรเจคใหม่อย่าง Powerwall หรือแบตเตอรี่ Li-ion สำหรับใช้งานในบ้านโดยอาศัยการสร้างพลังงานจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์และเก็บพลังงานที่ได้ไว้ใช้ได้ตามต้องการ ซึ่งนอกจากเจ้าตัวนี้จะสามารถชาร์จแบตให้รถ Tesla ได้แล้วยังสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับบรรดาอุปกรณ์ไปฟ้าต่างๆ ภายในบ้านได้อีกด้วย

โดย Power Wall นั้นจะมี 2รุ้นทั้งรุ่นความจุ 10กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงและรุ่น 7กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งนั่นเท่ากับการใช้ซักผ้าได้ 4 รอบ หรือใช้จ่ายไฟให้กับตู้เย็นได้นานถึง 50 ชั่วโมงเลยทีเดียว และแนวคิดนี้จะมาเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้พลังงานตามบ้านเรือนให้ลดการพึ่งพาสาธารณูปของรัฐบาลมาเป็นการสร้างพลังงานสะอาดที่มีความยั่งยืนกว่าใช้เองภายในบ้านแทน ซึ่งจริงๆ แล้ว Power Wall นั้นก็ก็เป็นธุรกิจที่ต่อยอดจากมาจากไอเดียเรื่อง Solar cell ของบริษัท SolarCity ที่เป็นของ Elon Musk นั่นเองค่ะ

หลังจากการเปิดตัว power wall ก็ปรากฏว่ามีผู้คนให้ความสนใจและเข้ามาสั่งจองไปแล้วถึง 50,000ตัว และแม้ว่ายอดการจองอาจจะหมายถึงกระแสความสนใจแต่อาจจะไม่ใช่ยอดคนที่จะยอมจ่ายเงินซื้อจริงๆ แต่กระนั้นก็ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี ซึ่งเมื่อบวกกับตัวเลขของแบตเตอรี่รถยนตร์ Tesla ที่จะผลิตออกมามากถึง 500,000 คันต่อปีอยู่ แล้วก็ถือว่าเป็นจำนวนที่มากพอที่ทางค่ายจะลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อมารองรับการผลิตนี้

ด้วยการประกาศสร้างโรงงาน Gigafactory ด้วยมูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญ ในรัฐเนวาด้าของสหรัฐอเมริกาครอบคลุมพื้นที่ถึง 4ล้านตร.ม. เพื่อผลิตแบตเตอรี่ โดยโรงงานแห่งนี้ผลิตทั้ง power wall และแบตเตอรี่ของรถ Tesla ได้กว่า 5 แสนคัน ซึ่งการสร้างโรงงานนี้ยังจะเป็นการช่วยลดราคาต้นทุนและลดค่าขนส่งในกระบวนการการผลิตของ Tesla ลงอีกด้วย โดยคาดว่าแบตเตอรี่ที่ถูกผลิตในโรงงานนี้จะมีต้นทุนต่อลูกลดลงถึง 30% ทีเดียวค่ะ

และแน่นอนว่ายังคงมาพร้อมคปนเซ็ปต์รักโลก นำพลังงานธรรมชาติทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมมาใช้ในสายการผลิตและในส่วนของสำนักงาน ซึ่งนี่ก็จะทำให้ Gigafactory กลายเป็นหนึ่งในโรงงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่ใช้พลังงานธรรมชาติทั้งหมดอีกด้วย ทั้งนี้ Elon Musk กล่าวว่าเขาต้องการให้ Gigafactory เป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาระบบขนส่งที่มีความยั่งยืนและเอื้อต่อการผลิตรถพลังงานไฟฟ้าในอีกหลายสิบปีข้างหน้า ซึ่งเมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จลงในปี 2017 ก็คาดว่าจะเป็นการเพิ่มการจ้างงานในเนวาด้าได้อีกหลายพันตำแหน่ง ทั้งยังจะสร้างเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจของรัฐได้อีกหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยค่ะ

 

Source: gizmodo