เราคงปฏิเสธไม่ได้นะคะว่าอินเตอร์เน็ทนั้นย่อโลกให้เล็กลง เปิดโอกาสให้เราทำสิ่งที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริงไปหลายต่อหลายอย่างแล้ว เช่น การสื่อสารข้ามโลกแบบ real time ไปจนถึงการเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งเทคโนโลยีและความสะดวกสบายเหล่านี้เริ่มเข้ามาปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราไปจากเดิมและหนึ่งพฤติกรรมที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือเรื่องของการจับจ่ายและการเข้ามาของ e-commerce

เดี๋ยวนี้เราเสียเงินซื้อสิ่งของที่ต้องการได้ทุกอย่างผ่านทางอินเตอร์เน็ทตั้งแต่สินค้าไอที, ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน ไปจนถึงขนมนมเนย ไม่ว่าเราจะอยู่ที่บ้านหรือระหว่างเวลางานก็เลือกดูสินค้าที่สนใจได้ แถมล่าสุดดูเหมือนว่าทางค่ายไอทีใหญ่ๆ ยังเริ่มเพิ่มเครื่องมือกระตุ้นความอยากของเราให้มากขึ้นด้วยการอำนวยความสะดวกเพิ่มปุ่มกดสั่งซื้อให้ตัดสินใจจ่ายเงินได้ง่ายๆ จากหน้าที่เราค้นหาสินค้าอีกด้วย

อย่างล่าสุดทาง Google เองก็เตรียมเพิ่มปุ่มกดซื้อซึ่งเป็นรูปแบบใหม่เน้นอำนวยความสะดวกให้กับการจับจ่ายซื้อของบนอุปกรณ์พกพาด้วยการแสดงฟีเจอร์ “Buy on Google” เมื่อเปิดใช้อย่างเป็นทางการแล้วเวลาที่เราค้นหาสินค้าที่เราสนใจผ่านทาง Google นอกจากจะขึ้นข้อมูลสินค้าแล้วยังจะมีแถบรูปภาพของสินค้าต่างๆ ในหมวดที่เราสนใจพร้อมทั้งให้เลื่อนดูสินค้าได้ และเมื่อไปกดดูที่แถบภาพก็จะขยายขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมแสดงข้อของมูลสินค้าเพิ่มเติมเพื่อให้คนรู้รายละเอียดสินค้า พร้อมตัดสินใจเสียเงินง่าย ครบ จบในหน้าเดียวโดยไม่ต้องออกไปเข้าเว็บของผู้ขายเลย ซึ่งนี่ก็อาจจะเข้าทางตีเหล็กเมื่อยังร้อนเพราะเวลาที่เราค้นหาข้อมูลคือเวลาที่เราอยากได้ของนั้นๆ หากปิกหน้าเว็บลงแล้วออกมาใช้ชีวิตตามปกติความอยากก็จะหายไปเรื่อยๆ นั่นเองค่ะ

 

แต่ทั้งนี้ทาง Google จะไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในส่วนการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างเรากับร้านค้าและไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้ แต่โมเดลในการหารายได้นั้นจะมาจากการเก็บค่าบริการจากร้านค้าเป็นค่าโฆษณาตามปกติโดยจะนับเฉพาะการคลิกครั้งแรกเข้ามายังหน้าจอสินค้าเท่านั้น

นอกจากจากนี้แล้วทางค่ายยังปรับปรุงตัวผู้ช่วยในการค้นหาอย่าง Google Now ให้รับกันด้วยการจดจำว่าเราสนใจสินค้าอะไรที่ร้านค้าไหน หากเราไปอยู่แถวๆ ร้านค้านั้นมันก็จะแจ้งเตือนให้เราทราบได้ทันทีพร้อมกันนี้ยังมีระบบแจ้งเตือนหากสินค้าที่เราสนใจลดราคาอีกด้วย

ซึ่งนอกจากนโยบายเชิงรุกของค่าย Google แล้วทาง Facebook ก็ยังเป็นอีกหนึ่งค่ายที่เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายๆ กันนอกจากจะมีปุ่มกดซื้อบนโฆษณาที่ news feed แล้วเขายังจะขยายไปบนหน้าแฟนเพจของร้านค้าต่างๆ ให้เข้าไปดูปุ๊บ ถูกใจก็กดซื้อได้ปั๊บโดยไม่จำเป็นต้องออกจากแอพพลิเคชั่นหรือหน้าเว็บ Facebook เช่นกัน

โดยฟีเจอร์ที่ว่านี้จะไปเพิ่มส่วนของ “shop” เข้าไปที่ด้านบนของแฟนเพจในแอพพลิเคชั่น ส่วนหากเป็นเวอร์ชั่นเว็บไซต์ก็จะไปเพิ่มเป็นแทบใหม่ตรงบริเวณเดียวกับที่กดเลือกแสดงภาพหรือข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งทางร้านค้าจะสามารถเลือกได้ว่าจะให้ลูกค้าทำธุรกรรมผ่าน Facebook ได้เลยหรือจะพาไปยังหน้าเว็ปไซต์ของทางร้านเอง

ตอนนี้ดูเหมือนว่าขณะนี้ทาง Facebook จะยังไม่ได้มีการหารายได้จากการขายของบนหน้าเพจแต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีโครงการในอนาคตหรือไม่ หรือแค่ต้องการเพิ่มเวลาให้ผู้ใช้งานอยู่ที่ในหน้า Facebook ได้นานขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งการเริ่มเข้ามาทำตลาดด้านการซื้อสินค้าออนไลน์ได้แบบง่ายครบจบในหน้าเดียวนี้ก็เป็นตัวสะท้อนถึงเทรนการจับจ่ายของผู้คนยุคไซเบอร์ได้เป็นอย่างดี แต่ว่านอกจากจะเป็นการอำนวยความสะดวกแล้วในอีกทางหนึ่งก็ดูเป็นเรื่องที่น่ากลัวเหลือเกิดว่าต่อจากนี้เราจะเสียเงินซื้อของได้ง่ายขึ้นมาก และเมื่อมีสิ่งล่อตาล่อใจที่เข้าถึงง่ายขนาดนี้เราจะเป็นหนี้บัตรเครดิตกันขนาดไหน ….

 

Source: mashable1, mashable2