ก่อนหน้านี้เราเคยพูดถึงเรื่องที่บริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีจากต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาบุกตลาดเอเชียกันไปบ้างแล้วนะคะ ซึ่งประเทศที่เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและวิทยาการคอมพิวเตอร์อันดับต้นของโลกอย่างอินเดียช่วงนี้ก็เนื้อหอมไม่เบา หลังจากที่นายนเรนทรา โมดีนายกรัฐมนตรีอินเดียได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติที่สหรัฐฯ ก็ได้มีการเดินทางไปเข้าพบ CEO ของบริษัทไอทีหลากหลายทั้ง Facebook , Google และ  Microsoft เพื่อร่วมหารือและแลกเปลี่ยนมุมมองด้านเทคโนโลยี พร้อมกันนี้ยังได้มีการประกาศความร่วมมือครั้งใหม่กับบริษัทไอทีที่มีจุดมึ่งหมายเน้นพัฒนาให้ประชาชนในอินเดียสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อย่างเท่าเทียมเพื่อหวังจะลดช่องว่าง ความต่างในสังคม ซึ่งนี่ก็เป็นไปตามเป้าหมาย Global Goals ของสหประชาชาติด้วยเช่นกัน

ซึ่งความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นนี้ก็มีทั้งการประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่ระหว่าง Google กับการรถไฟอินเดีย Indian Railways ที่เป็นเส้นทางคมนาคมครอบคลุมแทบจะในทุกรัฐของประเทศ ด้วยจำนวนรถไฟวิ่งต่อวันมากถึง 10,000 ขบวน และมีผู้โดยสารใช้บริการรถไฟมากถึง 7,500 ล้านคนต่อปี เพื่อให้บริการ WiFI ฟรีในพื้นที่รถไฟทั้งหมด

คาดว่านี่จะช่วยให้ผู้คนราวหนึ่งพันล้านคนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างเท่าเทียม ทั้งยังง่ายและสะดวกขึ้นมากอีกด้วย โดยในปีนี้มีการวางแผนจะให้บริการได้ถึง 100 สถานีก่อนจะเพิ่มเป็น 400 สถานีในอนาคตค่ะ ซึ่งทาง Google เองระบุว่าในช่วงแรกจะให้บริการฟรี แต่ต่อไปอาจจะต้องหาโมเดลธุรกิจเข้ามาเพื่อให้บริการนี้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ในระยะยาวค่ะ

ซึ่งนอกจากฟรี WiFI บนรถไฟแล้วงานนี้ก็ยังได้มีการประกาศแผนความร่วมมือกับทาง Microsoft  ในการขยายการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตครั้งใหญ่ไปทั่วภาคพื้นอินเดีย ให้เข้าถึงผู้คนในประเทศกว่า 500,000 หมู่บ้าน โดยต่อยอดจากโครงการที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านคลื่นความถี่ช่วง white space ที่ไม่ได้ถูกใช้งานนำมาให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ราคาย่อมเยาแทน ซึ่งนี่ก็จะเป็นอีกทางที่จะช่วยวางพื้นฐานสู่การเปิดให้บริการอื่นๆ ทั้ง cloud และศูนย์ข้อมูลในอินเดียด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีอินเดียยังได้เข้าเยือนสำนักงานใหญ่ Facebook หลังจากที่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาทาง Facebook ได้เคยมีการประกาศให้บริการ Internet.org เพื่อเข้าไปช่วยกระจายสัญญาณอินเตอร์เน็ทในพื้นที่ที่เข้าถึงยากหรือพื้นที่ห่างไกลร้อมพร้อมให้นักพัฒนาท้องถิ่นร่วมส่งร่วมไอเดียหรือแอพที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่นเข้าร่วมประกวดเพื่อที่จะยกระดับเนื้อหาให้รองรับภาษาถิ่นให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีอินเดียยังได้กล่าวยอมรับในพลังทางการเมืองของโซเชียลมีเดียในสังคมสมัยใหม่ว่าไม่มีใครสามารถจะชนะได้ถ้าวิ่งหนีโซเชียลมีเดีย เพราะสื่อโซเชียลเองนั้นเป็นสียงสะท้อนชั้นดีที่จะช่วยบอกได้ว่ารัฐบาลทำผิดพลาดตรงไหนและสามารถจะหยุดยั้งการเดินไปผิดทิศทางได้อย่างทันท่วงที อย่างนายโมดีเองก็ใช้สื่อโซเชียลทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ในการสื่อสารและรับฟังเสียงจากประชาชนผู้ติดตามหลักล้านคนเช่นกัน

ดูจากแผนความร่วมมือพร้อมทรรศนคติของผู้นำแบบนี้แล้วบอกได้ไม่ยากเลยค่ะว่าอินเดียกำลังจะพัฒนาและก้าวสู่การเป็นประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีของเอเชียอย่างเต็มตัวแน่นอนและด้วยการวางรโครงสร้างพื้นฐานทางอินเตอร์เน็ทที่ดี หากประกอบกับการให้ความรู้ประชาชนควบคู่กันไปด้วยก็ไม่ยากเลยที่จะพัฒนาไปสู่ fintech หรือเศรษฐกิจดิจิตอลและนำไปสู่การพัฒนาชาติในด้านต่างๆ ตามมา

 

Source : blognone1 , blognone2, blognone3, blognone4, BBCThai, tsa-bhu.org