ทุกวันนี้ก็เป็นเรื่องท่ีน่าแปลกดีหากลองมองย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2011เมื่อสี่ปีที่แล้วที่เรายังไม่ได้ใช้ชีวิตผูกติดกับโลกโซเชียลมากท่านี้ ช่วงที่ Uber ยังไม่เกิด ช่วงที่ยังไม่มี Siri ชีวิตของเราต่างจากวันนี้มากแค่ไหน การเข้ามาของอินเตอร์เน็ทและการเข้าถึง device ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและกลายเป็นตัวการสำคัญที่เข้ามาปรับรูปแบบและวิธีการใช้ชีวิตของผู้คนไปในหลายๆ ด้าน ตั้งแต่วิธีการคิดไปจนถึงการสื่อสาร

เมื่อผู้คนเริ่มปิดสื่อออฟไลน์แล้วหันไปใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์มากขึ้น มีการเข้าถึงและใช้งานเว็ปไซต์ต่างๆ มากขึ้นนั่นทำให้การสื่อสารของนักการตลาด และบริษัท ร้านค้าต่างๆ ต้องปรับกลยุทธ์ในการสื่อสารจากการลงโฆษณาในช่องทางเดิมๆ เช่น โทรทัศน์หรือวิทยุ ให้ลดลง โดยมีการคาดการณ์ว่าช่วงปี 2020 จะมีการใช้งบโฆษณาผ่านโทรทัศน์เหลือเพียง 5พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ในขณะเดียวกันก็มีการปรับไปใช้ช่องทางการโฆษณาบนหน้าเว็ปไซต์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นเพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง ซึ่งนั่นก็รวมถึงเหล่าบรดานักการเมืองที่จะลงเลือกตั้งที่ต้องการสื่อสารแนวคิดและหาเสียงสู่ประชาชนด้วยเช่นกัน

ซึ่งข้อดีของการลงโฆษณาบนสื่อออนไลน์นั้นนอกจากจะเข้าถึงผู้คนได้ง่ายเพราะคนส่วนมากที่เป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองก็ไปแสดงทัศนคติเรื่องนี้บนโลกออนไลน์กันอยู่แล้ว ในอีกเชิงหนึ่งด้วยความสามารถของเทคโนโลยีที่เจาะจงรายละเอียดขอกลุ่มเป้าหมายให้ตรงกับความต้องการของผู้สื่อสารได้เป็นอย่างดีทั้งช่วงอายุ, พฤติกรรมการใช้งานต่างๆ ก็ยิ่งทำให้การส่งสารนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

แต่กระนั้นบ่อยครั้งที่มีการลงโฆษณามักจะโผล่มาในตำแหน่งที่กวนสายตาหรือน่ารำคาญ อย่างเช่น ขึ้นมาบังเต็มเนื้อหาบนหน้าจอเป็นต้น ทำให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตหลายๆ คนไม่ค่อยจะชอบใจนัก หลังๆ จึงมีการพัฒนา adblock หรือซอฟต์แวร์ที่ช่วยบล็อกโฆษณาบนหน้าเบราวเซอร์ ซึ่งพบว่าจากสถิติปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลด Adblock แล้วถึง 7% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก หรือคิดเป็นราวจำนวน 215 ล้านคนเลยทีเดียว

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงหมายความว่าการสื่อสารของพวกบรรดานักการเมืองหรือการสื่อสารที่มีประโยชน์ที่ได้มาในรูปแบบที่น่ารำคาญต่างๆ ก็จะพลอยไม่แสดงขึ้นมาให้ดูด้วย นี่จึงกลายมาเป็นปัญหาใหม่สำหรับนักการเมืองและพรรคในการเข้าถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกเพราะมีการประเมินว่า 41% ของผู้ใช้งาน Adblock อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 18-29 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่มักจะใช้ชีวิตบนโลกออนไลน์เสียเป็นส่วนมาก การทำเช่นนี้จึงเป็นเหมือนการปิดช่องทางการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งซึ่งเป็นตัวชี้วัดอนาคตของชาติไปในตัวด้วย

จะว่าไปปัญาของ AdBlock นั้นแม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ในยุคที่คนรุ่นใหม่ใช้งานอินเตอร์เน็ตเป็นหลักแบบนี้เรื่องเล็กๆ ก็อาจจะส่งผลกระทบที่ใหญ่กว่าที่คิดได้

 
Source : techcrunch, positioningmag