รู้หรือไม่ Google เคยทำบริการเรียกแท็กซี่มาตั้งแต่ปี 2005 แต่ไม่รุ่ง
บนโลกของอินเตอร์เน็ทถือว่าเป็นแหล่งรวมไอเดียชั้นดี ซึ่งบางครั้งไอเดียดีๆ ก็มักขะถูกวางทิ้งไว้ให้เฉยๆ รอคนที่มีความพร้อมกว่ามาสานต่อ อย่างบริหารแอพพลิเคชั่นเรียกแท็กซี่ของหลายๆ ค่ายในทุกวันนี้รวมไปถึง Uber เองนั้นก็ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้นะคะ เพราะความจริงเจ้าของไอเดียนี้คือ Google ที่คิดค้นขึ้นมาตั้งแต่ช่วงกลางปี 2005 แล้ว
โดยไอเดียบริการเรียกรถแท็กซี่แบบนี้ทาง Google เคยเอามาทำให้เป็นรูปเป็นร่างแล้วภายใต้ชื่อ “Google Ride Finder” ที่ให้ผู้โดยสารแจ้งความจำนงว่าจะขึ้นรถแท็กซี่หรือเรียกใช้รถลีมูซีนจากที่ใด แล้วทาง Google ก็จะส่งรถที่อยู่ใกล้ๆ ไปรับพร้อมกับแสดงหมายเลขโทรศัพท์เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถติดต่อคนขับรถที่กำลังจะมารับได้ โดยจะอ้างอิงข้อมูลการเดินทางและสถานที่จาก Google Maps ด้านรถให้บริการนั้นก็จะเป็นการเปิดรับแท็กซี่ที่มีอยู่แล้วมาสมัครเข้าร่วมโครงการ ซึ่งตอนนั้นได้เปิดให้บริการในเมื่อใหญ่ๆ ของอเมริกา เช่น ชิคาโก, ซานฟรานซิสโก
ฟังดูคุ้นๆ ใช่ไหมคะ … เพราะว่านี่คือต้นแบบของแอพเรียกแท็กซี่ในปัจจุบันแทบจะทุกแอพ หลังจากที่ทาง Google ปิดตัวบริการนี้ลงไปในอีก 4ปีถัดมา เพราะแม้ไอเดียดีกระนั้นก็เกิดปัญหาขึ้นมากมายเพราะเมื่อ 10 ปีที่แล้วสมาร์ทโฟนและแอพรวมถึงการเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ทนั้นยังไม่ได้แพร่หลายมากเท่าที่ควร แถมยังมีพื้นที่การให้บริการที่ไม่ครอบคลุมจึงทำให้บริการนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก
เรียกได้ว่าไอเดียได้แต่ผิดเวลา เรื่องนี้ก็คงเป็นบทเรียนที่ดีให้กับ Google และคนที่กำลังคิดจะเริ่มทำอะไรบางอย่างเหมืนอกันนะคะ แต่ว่าหลังจากที่มีบริการอย่างพวก Uber เข้ามาในยุคหลังก็ดูเหมือนว่าทาง Google จะแสดงท่าทีสนใจโปรเจคเหล่านี้ไม่ใช่น้อยอย่างเมื่อปี 2013 Google ทุ่มเงินลงทุนกว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ร่วมกับ Uber พร้อมส่งหนึ่งในสมาชิกทีมผู้บริหารระดับสูงเข้าไปนั่งในบอร์ดของ Uber ด้วย
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นการส่งคนเข้าไปแอบเรียนรู้งานหรือเปล่านะคะเพราะก็ยังมีข่าวลือว่า Google เองยังอยากกลับไปทำบริการนี้อยู่แถมยังจะประยุกต์เข้ากับรถยนตร์แบบไร้คนขับที่ทางค่ายพัฒนาขึ้นมาด้วย เพราะในยุคนี้ทุกอย่างมีความพร้อมมากขึ้นทั้งตัวแผนที่ที่มีข้อมูลสมบูรณ์ขึ้น การขยายฐานของ Google พร้อมมีเทคโนโลยีต่างๆ ที่รองรับ ประกอบกับยุคนี้เป็นยุคที่คนต้องการความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงขึ้น และหากในอนาคตอันใกล้ยักษ์ใหญ่อย่าง Google จะกลับมาลงสนามจริง ผู้ให้บริการรายอื่นๆ ก็คงต้องคิดหาทางปรับแผนการกันแล้วหละค่ะ
Source: techcrunch