ช่วงหน้าฝนแบบนี้ปัญหาใหญ่ในชีวิตของพวกเราก็คงจะหนีไม่พ้นเสื้อที่ตากเท่าไหร่ก็ไม่แห้งสักทีเพราะยังไม่ทันกลับไปเก็บฝนก็ตกซ้ำลงมาเปียกแล้วเปียกอีก รองเท้าเหม็นอับ และน้องหมาขนฟูที่ไดร์เท่าไหร่ก็ไม่ยอมแห้ง เรื่องเล็กๆ เหล่านี้อาจจะทำให้หลายๆ คนมีเหตุให้เซ็งกับหน้าฝนมากขึ้นไปอีกใช่ไหมคะ =.=

เอาหละ แม้จะมีปัญหาแต่เราก็มักมีนวัตกรรมที่เล็งเห็นและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดเสมอ! อย่างล่าสุดเก่งได้ลองใช้เจ้า eazyblow รุ่น curve มา มันเป็นเครื่องเป่าลมร้อนเอนกประสงค์ที่จะมาจัดการปัญหาทุกอย่างข้างต้นได้แบบ all-in-one เลย แต่ก่อนที่จะไปรู้จักกับความสามารถต่างๆ ของมันลองมาดูรูปร่างหน้าตากันก่อนเนาะ

เจ้าตัวนี้มาพร้อมดีไซน์มนๆ เรียบๆ ขนาดพกพาได้ไม่ใหญ่เกะกะ ที่ด้านหน้าจะมีช่องสำหรับเก็บสายของตัวเครื่อง ที่ด้านหลังเป็นปลั๊กไฟ ส่วนด้านข้างๆ อันนี้เป็นเป็นช่องลมเข้าพร้อมตะแกรงและตัวกรองค่ะ

ที่ด้านหน้าก็ไม่ได้มีปุ่มกดยุ่งยากอะไรให้เวียนหัวเลย มีให้เลือกหมุนแค่ 2อย่างคือการเลือกระดับความร้อน 3ระดับว่าจะใช้ COLD ที่จะปล่อยลมเท่าๆ กับอุณภูมิห้อง, WARM ให้ความร้อนที่ราว 40-50 °C และ HOT ที่จะเป่าลมอุณหภูมิราว 70°C ส่วนอีกอย่างที่ต้องเลือกก็คือการการหมุนเพื่อเปิด-ปิดและเลือกตั้งเวลาโดยสามารถบิดเลือกเวลาที่ต้องการใช้งานได้สูงสุด 180นาที หรือเลื่อนไประหว่างคำว่า OFF กับ COUNT เพื่อให้เครื่องทำงานต่อเนื่องค่ะ

นอกจากตัวเครื่องแล้วก็ต้องมาดูที่อุปกรณ์เสริมกันด้วยเนาะ นี่คือของทั้งหมดที่มีให้มา ดูเหมือนเยอะแต่ก็ไม่ยุ่งยากนะเพราะหลักๆ คือแบ่งมาตามหน้าที่การทำงาน 4อย่างที่แตกต่างกัน

1. อบผ้าให้แห้งแบบไม่ง้อแดด
2. เป่ารองเท้าให้ไม่ชื้น
3. ไล่ไรฝุ่นจากเตียงนอน
4. เป่าขนน้องหมาให้แห้งได้แบบด่วนๆ

เอาหละ มาเริ่มที่หน้าที่การอบผ้ากันก่อนเลยเนาะ ถ้าจะอบผ้าแค่มีเครื่องอย่างเดียวไม่ได้ต้องมีตู้ด้วยนะ ก่อนอื่นเราต้องเริ่มจากการประกอบโครงเพื่อทำตัวตู้อบซะก่อน ซึ่งขั้นตอนแบบละเอียดอันนี้ขอไม่เล่านะคะเพราะว่ามีในคู่มือที่ให้มาในกล่องอยู่แล้ว แต่โดยรวมคือประกอบง่ายและใช้เวลาไม่มาก ซึ่งแม้หลายคนมองว่าอาจจะยุ่งยากในการใช้งานไปสักนิดแต่เก่งว่าการที่มันถอดประกอบได้แบบนี้ก็ช่วยให้การจัดเก็บนั้นง่ายและไม่กินพื้นที่เหมาะกับพื้นที่จำกัดอย่างพวกคอนโดดีนะ

เอาหละ พอประกอบเสร็จแล้วเราก็เสียบเจ้าตัวเครื่อง eazyblow เข้ากับช่องที่เว้นไว้ด้านล่างแบบนี้ จากนั้นก็ใส่ผ้าหมาดๆ ที่ได้จากการซักเข้าไปทั้งเสื้อ ถุงเท้า ผ้าเช็ดตัว คือมีอะไรก็ใส่เข้าไปค่ะ แต่อย่าให้เกินน้ำหนักที่เขารองรับได้ที่ 10กิโลกรัมก็พอ ใส่ไว้แบบนี้ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ HOT ตั้งเวลาเอาไว้อาจจะสักครึ่งชม. ก่อนแล้วต่อยลองมาดูความแห้งอีกทีก็ได้ค่ะเพราะว่าเวลาจะต่างกันไปตามจำนวนและความหนา ความชื้นของผ้าที่เราใส่เข้าไปด้วยเนาะ แค่นี้ก็ได้ผ้าแห้งๆ กลิ่นหอมๆ พร้อมใช้แล้วหละ

นอกจากการทำหน้าที่เป็นเครื่องอบผ้าแล้วเจ้า curve ก็ยังช่วยกู้ชีพรองเท้าคู่โปรดของเราในวันที่ต้องไปฝ่าฝนรองแม้เท้าเปียกแค่ไหนหรือไปเล่นกีฬามาเหงื่อออกรองเท้าอับยังไงแต่วันรุ่งขึ้นก็ใส่ต่อได้เลย แค่เปลี่ยนไปใช้หัวแบบพิเศษที่แยกเป็นสองอัน สามารถช่วยเป่าภายในรองเท้าของให้แห้งได้แบบด่วนๆ ไม่ต้องง้อแดดเลย

แต่นอกจากการใช้ความร้อนในการทำให้ผ้าและรองเท้าแห้งแล้วเจ้าเครื่องนี้ยังใช้ความร้อนช่วยกำจัดไรฝุ่นบนเตียงนอน ลดอาการภูมิแพ้ได้อีกด้วย แค่เอาแผ่นปูเตียงที่เขาให้มาวางลงไปบนฟูก เสียบตัวเครื่อง eazyblow เข้ากับแผ่นอุปกรณ์เสริมแล้วเอาผ้านวมมาคลุมไว้ด้านบน เปิดความร้อนไว้ที่ HOT ตั้งเวลาไว้ที่ 180นาที แล้วไปอาบน้ำ ทาครีม พอกหน้ารอค่ะ ออกมาปุ๊บได้นอนเตียงอุ่นๆ สะอาดๆ ปั๊บ แถมยังเป็นการอบแห้งผ้านวมหรือผ้าปูที่นอนไปในตัวด้วยนะ

 

ส่วนถ้าบ้านไหนมีสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะน้องหมาขนฟูๆ ที่ชอบลุยโคลนเล่นน้ำในฤดูฝนแบบนี้ก็เปลี่ยนหัวเป็นตัวที่คล้ายๆ กับแปรงแล้วเปลี่ยนให้ curve มาเป็นไดร์สำหรับเป่าขนให้สัตว์เลี้ยงได้เหมือนกันนะ ซึ่งข้อดีเท่าที่ลองมาคือเมื่อเทียบกับไดร์เป่าผมของเราที่มักจะเอาไปใช้เป่าตัวน้องแล้วเนี่ยมันเสียงเบากว่าพอตัวเลยทำให้น้องหมาไม่ตกใจกับเสียงดังและก็แห้งไวกว่าด้วยหละ

แต่แน่นอนหละเรื่องหลักๆ ของเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลายๆ คนกังวลเลยก็คือเรื่องของความปลอดภัยว่าใช้ไปแล้วจะมีอันตรายหรือไม่ มีประกันตัวเครื่องไหมรวมไปถึงเสียแล้วส่งซ่อมที่ไหนยังไง ???

มาทีละคำถามเนาะ เรื่องความปลอดภัยเนี่ย EazyBlow มีระบบตัดไฟเมื่อความร้อนสูงเกินกำหนดและตัวเครื่องก็ผ่านมาตราฐานความปลอดภัยต่างๆ ทั้งจาก CE จากยุโรป, มาตราฐาน Certification Body, มาตราฐานเพื่อสิ่งแวดล้อม, มาตราฐานสินค้าที่จำหน่ายในเยอรมันด้วยมั่นใจได้

ส่วนด้านการรับประกันเขาจัดไปให้ 1ปี ระหว่างนี้ถ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถโทรไปติดต่อได้ที่โชว์รูมของเขาที่มาบุญครอง ชั้น 5 หรือสำนักงานที่ประชาอุทิศก็ได้เช่นกันค่ะ

โดยรวมๆ แล้วข้อดีของเจ้า eazyblow คือจัดการปัญญาความเปียกชื้นได้ดี ทำหน้าที่ได้หลากหลายในหนึ่งเดียวและมีขนาดที่เล็กเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัดได้ การจัดเก็บก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ส่วนด้านราคาค่าไฟที่ใช้ 800 Watt ก็อยู่ที่ราวชั่วโมงละ 2 บาทเท่านั้น และถ้าเทียบกับการซื้อเครื่องที่สามารถทำหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้ได้แยกกันเป็นรายชิ้นแล้วเจ้า eazyblow ก็ถือว่าราคาถูกกว่ามากเพราะเจ้าตัวนี้ขายอยู่ที่ 4,500 บาท สำหรับใครที่สนใจลองเข้าไปสอบถามรายละเอียด สั่งซื้อกันได้ที่ https://www.facebook.com/eazyblow นะคะ