ในปี 2017 นี้หนึ่งในเทรนที่จะยิ่งได้รับการพัฒนาให้ล้ำยิ่งขึ้นก็คือเรื่องของ VR หรือ Virtual Reality ที่ให้เราสวมใส่แว่นแบบพิเศษเพื่อเสพเนื้อหาที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะให้เรารู้สึกเสมือนเราหลุดเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องที่ถูกแสดงบนหน้าจอนั้นจริงๆ เมื่อใส่แว่น VR แล้วไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็จะเจอกับฉากในโลกเสมือนแบบ 360องศาเลย แถมแว่น VR หลายๆ ตัวยังมาพร้อมรีโมทที่ให้เราควบคุมสิ่งต่างๆ ที่เห็นได้อย่างสมจริงมากขึ้นไปอีกด้วย!

แต่พอได้ยินคำว่า VR หลายๆ คนคงจะนึกไปถึงแค่เรื่องการใช้เล่นเกมใช่ไหมคะ? อาจจะเป็นเพราะเวลาค่ายต่างๆ เปิดตัวแว่น VR ของตัวเองก็มักจะเน้นจุดขายที่มีเกมอะไร น่าสนใจยังไงบ้าง ซึ่งก็ไม่น่าแปลกเพราะช่วงแรกๆ ที่แว่น VR เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายก็เพราะความว้าวที่มันมาเติมเต็มประสบการณ์การเล่นเกมเนี่ยแหละ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนไป มีคนนำเอาแว่น VR ไปใช้กันมากขึ้นมันจึงถูกประยุกต์ให้ช่วยงานได้หลากหลายมากกว่าแค่ที่คุณเคยคิดถึงซะอีกนะ

ใช้เพื่อความเฮฮา: นอกจากความเฮฮาจากการเล่นเกมแล้วเนี่ยแว่น VR ยังสามารถไปใช้กับการดูเนื้อหาวีดีโอที่เขาทำออกมารองรับอย่างพวกคลิปที่เป็น 360 องศาได้ อย่างใน YouTube เองก็มีเนื้อหาแนวนี้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เราอินกับเรื่องราวต่างๆ ได้มากกว่าเคย ลองคิดถึงตอนที่ใช้ดูคอนเสริ์ตแล้วจะได้เห็นศิลปินที่เราชอบแบบชัดๆ สมจริงๆ สิคะ >w<

แต่ไม่ใช่แค่เฮฮาได้ส่วนตัวนะเพราะว่ามีหลายๆ ที่เริ่มนำเอาแนวคิด VR ไปต่อยอดจนกลายเป็นเครื่องเล่นในสวนสนุกแล้ว! อย่าง Six Flasgs สวนสนุกชื่อดังในสหรัฐอเมริกาก็เอาแว่น VR ไปเพิ่มความตื่นเต้นบนรถไฟเหาะ The New Revolution ด้วย งานนี้หวาดเสียวแบบมีสตอรี่กันไปเลยค่ะ

ใช้เพื่อการศึกษา : ตั้งแต่ปี 2015 ทาง Google ได้เริ่มต้นโครงการ Google Expeditions ที่ให้ครูและนักเรียนสามารถไปทัศนศึกษาได้แบบไร้ข้อจำกัดผ่านทางแว่น VR ขึ้น โดยการใช้งานนั้นง่ายมากๆ แค่เด็กๆ สวมแว่น VR ของ Google ที่มีสมาร์ทโฟนเสียบอยู่พร้อมเปิดแอพ Google Expeditions ไว้ก็สามารถเห็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้ทันที ส่วนคุณครูก็จะได้รับแท็บเล็ตไปเพื่อทำหน้าที่เป็นไกด์คอยชี้ คอยบอกว่าสิ่งที่เด็กๆ กำลังเห็นนั้นคืออะไร งานนี้จะไปทัศนศึกษาที่ไหนก็ได้ อเมริกา ป่าอเมซอน หรือใต้ทะเลลึกก็ไม่เป็นปัญหาและยิ่งได้เห็นภาพเสมือนจริงแบบนี่ก็ยิ่งทำให้เด็กๆ เรียนรู้ได้ไวแถมได้ความสนุกด้วยหละ

ใช้เพื่อการรักษา :แม้หลายๆ คนอาจจะคาดไม่ถึง แต่ก็มีการนำแว่น VR มารักษาคนไข้แล้วและพบว่าได้ผลดีทีเดียว อย่างที่อังกฤษก็มีการใช้แว่น VR เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีอาการซึมเศร้าโดยมีการสร้างเนื้อหาที่จำลองให้ผู้ป่วยได้ปลอบเด็กที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ ก่อนจะสลับมุมมองให้ผู้ป่วยลองไปเป็นเด็กคนดังกล่าวแล้วฟังคำปลอบโยนที่ตัวเองเคยพูดไว้ นี่ทำให้ผู้ป่วยให้อภัยตัวเองได้มากขึ้นและมีอาการซึมเศร้าลดลงมาก

นอกจากนี้ก็ยังมีแคมเปญ ‘#BeFearless’ ของทางซัมซุงที่เอาเทคโนโลยี VR มาช่วยบำบัดโรคกลัวความสูง ปกติหนึ่งในวิธีการรักษาคือหนามยอกเอาหนามบ่ง แต่ครั้นจะให้ผู้ป่วยเผชิญหน้ากับความสูงโดยตรงเลยคงไม่ไหวแถมอาจจะอันตรายเกินไป งานนี้เลยต้องให้ใส่แว่น VR แล้วให้ดูเนื้อหาเสมือนว่าไปยืนอยู่บนที่สูงแทน จากนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มระดับความสูงขึ้นทีละน้อย ผลคือผู้เข้าร่วมโครงการ 87.5% กลัวที่สูงน้อยลงจริงๆ!

นี่หละคือประโยชน์ในแง่มุมอื่นๆ ของ VR ที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่เคยรู้ แต่นี่ยังแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้นนะ หลังจากนี้เชื่อว่าเทคโนโลยี VR จะต้องได้รับการพัฒนาไปอีกไกล ต้องมีประโยชน์และความน่าสนใจให้เราได้ใช้งานกันมากกว่านี้แน่นอนค่ะ 🙂