เก่งเคยคิดว่าถ้าเราดูโอเคแล้วน้ำหนักมันเป็นแค่ตัวเลข จะไปชั่งมันทำไม! เพราะเวลาที่ชั่งน้ำหนักออกมาตัวเลขเยอะก็ไม่ได้หมายความว่าจะอ้วน เลขน้อยก็ไม่ได้หมายความว่าจะหุ่นดี และด้วยความคิดนี้เราเลยไม่เคยซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักเข้าบ้าน … จนกระทั่งเมื่อเราโดนทักว่า “หน้าบาน” และ “อ้วนขึ้นใช่ไหม” หนักมากกก มากแบบทุกคนที่เจอต้องพูด!! ซึ่งเอาจริงๆ ไม่รู้ตัวเลยเราเห็นตัวเองทุกวัน ก็ดูเหมือนเดิมทุกวันนี่หว่า?!?! นี่หละค่ะเลยเป็นเหตุให้เก่งเริ่มเห็นค่าของเครื่องช่างน้ำหนักขึ้นมาเพราะอีเครื่องพวกนี้มันจะไม่หลอกเราเหมือนที่เราหลอกตัวเอง! (คือเข้าใจว่า ‘ดีจุง กินเยอะไม่อ้วน’ แต่เปล่า อ้วน แต่ไม่รู้ตัวมาตลอด -_-) มันจะทำให้เรารู้ค่า “ปกติ” และไม่กินจนออกนอกลู่นอกทางแบบที่ผ่านมา

แต่ถ้าจะให้เราซื้อเครื่องชั่งธรรมดาๆ ก็ผิดวิสัยคนไอทีอย่างเรา แบบเราต้องเครื่องชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ! (คนไม่ฉลาดของสมาร์ทๆ จะช่วยได้) ตอนแรกก็ลังเลว่าจะไปของ Nokia ดี หรือว่าจะมา Mi ดี เพราะความสามารถไล่ๆ กันเอาจริงๆ หน้าตาของ Nokia ดูดีอ่ะ ดูเข้ากับบ้านเรามากๆ เยย แต่! ด้วยราคาต่างกันเกินครึ่งก็ทำให้เก่งเดินเข้า Mi Store ไป ฟิ้ว~

ชวิ้ง~ ได้มาล้าววววว เครื่อชั่งน้ำหนัก Mi Composition Scale!! แกะกล่องกันเลยดีก่าาาาา!


ของในกล่องที่ให้มามีแค่ คู่มือและตัวเครื่อง #จบ (เอ่อ… ก็มันเป็นเครื่องชั่งน้ำหนักเนาะ ใส่แค่ถ่าน AAA เนาะ จะให้มีอะไรมากมายเนาะ)

ข้อดีของ Mi Composition Scale คือนอกจากการชั่งน้ำหนักแล้วยังสามารถวัดข้อมูลด้านสุขภาพอื่นๆ ของร่างกายได้ภายในการชั่งครั้งเดียว! (แต่ต้องเสียเวลายืนรอเพิ่มอีกนิส เพราะหลังจากขึ้นน้ำหนักแล้วมันจะมีขีดๆ ขึ้นใต้เลข ต้องรอให้ขีดขึ้นครบก่อนค่อยลงมานาจา) บอกได้ทั้งค่าดัชนีมวลการว่าเราอ้วนไปหรือผอมไปไหม, น้ำหนักไขมันในร่างกาย, ไขมันที่เกาะตามอวัยวต่างๆ, ปริมาณกล้ามเนื้อ, น้ำในร่างกาย, มวลประดูก และอัตราการเผาผลาญพลังงาน ซึ่งพวกค่าเหล่านี้เนี่ยทำให้เรารู้สุขภาพรวมๆ ของเราได้ และก็จะได้แก้ไขปัญหาให้ตรงจุดไปเลย!

 

ที่นี้หลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ! แค่เครื่องชั่งน้ำหนักมันจะวัดค่าพวกนี้ได้ยังไง? มันมีอะไรพิเศษ?!

มันพิเศษตรงเจ้าแผ่นเหล็กที่มุมทั้ง 4 ที่เราจะต้องเหยียบตอนชั่งน้ำหนักนี่หละ ซึ่งเป็นการใช้เทคโนโลยี BIA (Bioelectric Impedance Analysis) ส่งสัญญาณไฟฟ้าต่ำๆ ผ่านเจ้าแผ่นนี้มาที่ร่างกายเราแล้วดูระดับความต้านทานไฟฟ้าในร่าง โดยไขมันเป็นฉนวนและจะเกิดความต้านทานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่วนกล้ามเนื้อมีส่วนประกอบของน้ำในเซลล์มากกว่ามีความต้านทานน้อยกว่านั่นเอง และเมื่อได้ค่ามาแล้วจะถูกคำนวนร่วมกับส่วนสูง น้ำหนัก เพศ และอายุที่เรากรอกให้ไว้ในแอปก่อนแสดงผลเป็นค่าต่างๆ ซึ่งก็เป็นแบบเดียวกับที่ใช้ตามโรงพยาบาล และฟิตเนสอยู่แล้วนั่นหละ (เพราะงั้นเวลาชั่งควรงถอดถุงเท้าออกให้เท้าสัมผัสอีแผ่นนี่โดยตรงนะ)

เอาหละค่ะ ก่อนเริ่มใช้งานเราต้องทำการไปโหลดแอปพลิเคชั่นกันก่อน ซึ่งแอปที่ใช้งานกับ Mi Composition Scale ก็คือ Mi Fit แอปเดียวกับเวลาใช้ Mi Band , Mi Watch นั่นหละค่ะ พอโหลดมาแล้วเลือกประเทศ เลือกวิธีการ log in แล้วมาเลือกว่าเราจะใช้งานแอปนี้กับอุปกรณ์ไหน (ถ้าใครมีอุปกรณ์อื่นๆ pair อยู่แล้วก็ไปที่หน้าโปรไฟล์แล้วเข้าไปเพิ่มอุปกรณ์ได้เลย) อย่างอันนี้เราต้องเลือกที่ Body Composition Scale > เลือกเปิดบลูทูธ แล้วไปยืนเหยียบบนตราชั่งได้เลย แค่นี้ก็ pair เรียบร้อย มันจะสร้างโปรไฟล์ของเราพร้อมใส่น้ำหนักและข้อมูลให้เลยค่ะ!

ที่หน้าของเรา ตรงนี้จะมีกราฟสรุปน้ำหนักมาให้ดูเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงยังไง อ้วนขึ้นแค่ไหนในแต่ละครั้งที่ช่างมา สภาพร่างเป็นไง บอกมาเป็นคะแนนให้เรียบร้อย และถ้าอยากดูรายละเอียดก็สามารถแตะที่น้ำหนักด้านบนเพื่อเข้าไปดูรายละเอียดอื่นๆ ได้ ซึ่งก็ทำออกมาได้ดี ดูง่ายมากๆ เพราะแยกเลยว่าอันค่าไหนที่เราต้องแก้ไข อันไหนที่ต้องเฝ้าระวังหรืออันไหนที่ดีอยู่แล้ว พร้อมบอกด้วยว่าค่านี้คืออะไร มาตรฐานอยู่ที่เท่าไหร่ เราจะได้โฟกัสถูกจุด!

ซึ่งนอกจากเราแล้วยังเพิ่มโปรไฟล์ได้สูงสุด 16 คน แค่กดเพิ่มที่เครื่องหมาย + กรอกรายละเอียดแล้วก็เริ่มช่างได้เลย โดยมันสามารถรับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 150 kg. จากที่ลองใช้  Mi Composition Scale แล้วเก่งว่ามันสะดวกมากๆ เลยแล้วก็รู้สึกเฮลตี้ขึ้นมากด้วย (#เอกอุปกรณ์ #ฟีลลิ่งสำคัญกว่าความจริง) เพราะว่าค่าต่างๆ เกี่ยวกับร่างกายพวกนี้มันเป็นเรื่องที่ปกติเราไมเคย่รู้ หรือไม่ค่อยได้ใส่ใจจะไปดูไปติดตามมัน ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ถ้าเรารู้ค่าพวกนี้เราก็สามารถไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองเพื่อให้ไดเสุขภาพที่ดีขึ้น อย่างการดื่มน้ำมากขึ้น ออกกำลังกายเพิ่มกล้ามเนื้อ หรือระวังการทานอาหารให้มากขึ้น แค่นี้เอง จะได้เป็น #คนสุขภาพดี2018 !!!

ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ตัวนี้ใช้ถ่าน AAA 4ก้อน (อันนี้เราต้องซื้อเองนะไม่ได้มีแถมมาเนาะ) ซึ่งสามารถอยู่ได้นานราว 8เดือน และถ้าแบตเหลือน้อยมันจะขึ้นรูปตัว “L” ที่หน้าจอแสดงผลของที่ช่างน้ำหนักเพื่อเป็นการแจ้งเตือนให้ค่ะ

 

แต่ว่าสิ่งที่เก่งไม่ชอบมากๆ เกี่ยวกับเจ้าตัวนี้คือเรื่องของผิวสัมผัสที่เขาบอกว่าป้องกันการลื่นแม้เท้าจะเปียกก็ตาม แต่! เอาเข้าจริงๆ แล้วตัว texture มันเลอะง่ายมากกกกกก มากๆ แล้วเมื่อเราต้องเหยียบมันอยู่ตลอเวด้วยแล้ว.. เลอะเทอะฝุด! พร้อมความพีคในพีคคือ texture นี้ทำความสะอาดยากพอตัว ต้องใช้ผ้าชุบน้ำออกแรงเช็ดอย่างจริงจัง และพีคในพีคในพีคคืมีแต่เครื่องสีขาวเท่านั้นจ้าาาา!! แต่เอาน่า เมื่อเทียบกับราคา 1,190บาทแล้วก็โอเครรร เพราะที่ช่างน้ำหนักดิจิตอลปกติไม่ต้องสมาร์ทก็เกือบพันแล้วอ่ะ!