Facebook เพิ่งจัดงาน Facebook F8 2018 งานประจำปีสำหรับนักพัฒนาของทางค่ายไปเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากการแถลงถึงแนวทางแล้วก็ยังมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่กำลังจะมีมาให้ใช้งานกันด้วย อย่างในปีนี้ทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายใต้การตอบโจทย์แก่นของ Facebook ที่จะโฟกัสกับ ‘ผู้คน’ และใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงแต่ละคนเข้าด้วยกัน แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานซึ่งก็เป็นผลมาจากวิกฤติ Cambridge Analytica ที่มีข้อมูลของผู้ใช้งาน Facebook หลุดออกไปจนเกิดผลเสียหายในวงกว้างและนำไปสู่การแบน Facebook ในหลายๆ รูปแบบ เกี่ยวกับเรื่องนี้เองทางมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กก็ออกมาบอกว่าจะปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานโดยเน้นวางแผนเชิงรุกมากขึ้น

นอกจากนี้ยังขอต่อยอดเรื่องความปลอดภัยให้สบายใจไปอีกขั้นจากที่ก่อนหน้านี้มีให้เราดูรายละเอียดการใช้งานและสามารถเลือกจำกัดหรือยกเลิกการเข้าถึงข้อมูลของแอป Third Party ได้ ตอนนี้เขาส่งฟีเจอร์ Clear History มาเพิ่มให้ ด้วยฟีเจอร์นี้เราจะสามารถเข้าไปดูสิ่งที่เราเคยทำ เคยค้นหาบน Facebook พร้อมสามารถเลือกลบประวัติต่างๆ ออกจากบัญชีได้ทั้งหมดเลย แต่แม้จะดูเป็นส่วนตัวดีก็ต้องแลกกับการที่ Facebook จะรู้จักและเข้าใจเราน้อยลงเพราะมีข้อมูลเกี่ยวกับเราลดลงนั่นเอง ผลคือการเลือกแสดงเนื้อหาต่างๆ ก็อาจจะตรงใจเราน้อยลงตามไปด้วยนั่นเอง

ส่วนฟีเจอร์ที่เน้นมาเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันนั้นเริ่มตั้งแต่ฟีเจอร์ใหม่อย่าง ฟีเจอร์ Watch Party ที่จะให้เราและเพื่อนๆ หรือคนใน Group ที่มีความสนใจเดียวกันมาดูคลิปพร้อมๆ กัน มาคอมเม้นท์ แลกเปลี่ยนความรู้สึกกันได้แบบ real time เลย

แต่ว่าฟีเจอร์ที่ฮือฮาสุดๆ ในงานนี้คงหนีไม่พ้นฟีเจอร์หาคู่หรือ Dating ที่เป็นความพยายามจะเชื่อมโยงเหล่าคนโสดบน Facebook ที่เขาบอกว่ามีมากถึงราว 200 ล้านยูสเซอร์ให้มาหากันจนเจอ แต่ยังคงใส่ใจเรื่องของความเป็นส่วนตัวนะ เพราะว่าหน้า Dating จะไม่ได้ไปรวมกับหน้า Facebook ปกติ ใครที่สนใจใช้บริการจะต้องไปสมัครเพิ่มเอาและจะเห็นกันได้ต่อเมื่อต่างคนต่างใช้บริการนี้เท่านั้น หลักการคือนอกจาก Facebook จะเอาข้อมูลของเราไปช่วยหาคนที่มีรสนิยมคล้ายๆ กันมานำเสนอแล้วยังมีระบบ Unlock ให้ผู้ใช้งานไปกดร่วมกลุ่มหรือกิจกรรมต่างๆ และสามารถเข้าไปดูคนโสดคนอื่นๆ ที่มีความสนใจแบบเดียวกันได้ ถ้าถูกใจรูป ชอบไลฟ์สไตล์ใครก็คกด Interested ไว้และหากสนใจตรงกันก็จะได้แชทคุยกัน ซึ่งการแชทตรงนี้จะแยกออกจากแอปหลักที่มีเพื่อความเป็นส่วนตัวจะได้ไม่ปะปนกับเรื่องงานหรือชีวิตส่วนตัวในด้านอื่นๆ ค่ะ 

ส่วนของฝั่งของแอปในเครืออย่าง Instagram เองก็มีความน่าสนใจเพราะนอกจากที่จะปรับหน้าตาของส่วนการค้นหาหรือ Explore มาให้ใช้งานง่ายขึ้นและน่าสนใจมากขึ้นเพราะเขาเอา AI เข้ามาช่วยในจัดผลการค้นหาให้ตรงใจผู้ใช้งานแต่ละคนพร้อมกรองคอมเม้นท์ที่ไม่เหมาะสมออกให้แล้วยังคงยึดแนวคิดในการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันเป็นหลักใหญ่ งานนี้นอกจากตัว Direct Message ที่ให้เราแชทคุยกันได้แบบที่เคยมีมาแล้วยังจะเตรียมเพิ่มตัว Video Chat มาให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งการแชทนี้ทำได้ทั้งแบบตัวต่อตัวหรือจะคุยกันเห็นหน้าเห็นตาแบบเป็นกลุ่มก็ได้นะ

พร้อมเพิ่มความสนุกในการเล่าเรื่องราวผ่าน Instagram ได้ง่ายๆ แต่อินขึ้นกับ AR Camera Effects ลูกเล่นใหม่ในกล่องของ IG ที่ให้เราเลือกรูปที่เราชอบแล้วส่องไปยังวัตถุที่เราอยากเพิ่มลูกเล่น แค่นี้ก็เห็นเอฟเฟค AR มาลอยๆ แบบ realtime ได้ตั้งแต่ก่อนถ่ายทำให้สามารถสร้างสรรค์มุมมองในการเล่าเรื่องใหม่ๆ ให้การนำเสนอสนุกขึ้นได้

ซึ่งนอกจาก 2บริการหลักที่ฮิตฮอตกันสุดๆ ในบ้านเราแล้วก็ยังมีความเปลี่ยนแปลงและฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มมาให้บริการในเครือของ Facebook ทั้งแอปแชทอย่าง Messenger ที่นอกจากกรปรับหน้าตาให้ดูง่ายใช้สะดวกขึ้นแล้วจะยังเน้นฟีเจอร์สำหรับร้านค้ามาให้ ส่วน WhatsApp เองก็จะมีการเพิ่มฟีเจอร์การใช้งาน VDO Call แบบกลุ่ม และรองรับการส่งความรู้สึกผ่าน Stickers แล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นอะไรที่ถูกใจผู้ใช้งานหลายๆ คนแน่นอนค่ะ ซึ่งความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ว่ามานี้ได้เริ่มทยอยอัปเดตให้ได้ใช้กันแล้วไม่ต้องรอนานค่ะ :]