เมื่อก่อนถ้าถามว่าพ่อแม่อยากให้ลูกๆ โตขึ้นเป็นอะไร หรือ ถ้าเราลองไปถามเด็กๆ เอง คำตอบที่ได้ก็คงหนีไม่พ้น หมอ, วิศวกร , แอร์โฮสเตส แต่ถ้าเราถามเด็กๆ หรือพ่อแม่เดี๋ยวนี้เราอาจจะได้คำตอบที่ต่างออกไป เราอาจจะได้ยินพวกเขาบอกว่าอยากเป็น Developer (นักพัฒนาแอปพลิเคชั่น) หรือ CTO (ผู้บริหารระดับสูงฝ่ายเทคนิค) ก็ได้นะ!

ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นความเปลี่ยนแปลงในวงกว้าง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วกว่าที่เราคาดและเตรียมการไว้ได้ทัน ตอนนี้เรามีเด็กในวันก่อนที่โตมาทำงานในสายไอทีน้อยกว่าความต้องการของตลาด ดังนั้นตอนนี้จึงมีการเริ่มวางแผนเพื่อผลักดันให้เด็กๆ รู้จักและตระหนักถึงความสำคัญของอาชีพในสายนี้มากขึ้น อย่างในต่างประเทศหลายๆ ที่เริ่มมีการบรรจุการสอนเขียนโปรแกรมหรือการโค้ดดิ้งเข้าเป็นส่วนหนึ่งของวิชาที่เด็กๆ จะต้องเรียนตั้งแต่ชั้นประถมเพื่อให้เด็กๆ ทำความคุ้นเคยและก้าวข้ามอคติที่ว่าเรื่องการโค้ดดิ้งเป็นเรื่องยุ่งยาก ในทางกลับกันนี่ยังเป็นการปูพื้นฐานเรื่องการคิดอย่างเป็นขั้นตอนให้กับเด็กๆ ไปในตัวด้วย

แต่แน่นอนหละค่ะ การจะสอนอะไรให้เด็กๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเรื่องที่ถูกมองว่ายากด้วยแล้ว ดังนั้นหลายๆ บริษัทไอทีเลยออกไอเดียทำให้การโค้ดดิ้งเป็นเรื่องสนุกเพื่อเข้าถึงเด็กๆ ได้ง่ายขึ้น วันนี้เลยจะขอเอาเคสตัวอย่างที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นมาแชร์เป็นไอเดียกันค่ะ

เคสแรกเป็ของยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft ที่เห็นความสำคัญเรื่องการปลูกฝังเด็กๆ ในด้านนี้และได้ไปจับมือกับ Code.org ออกหลักสูตรสอนเด็กเรียนเขียนโปรแกรมโดยใช้ตัวละครจากหนังและเกมชื่อดังที่เด็กๆ คุ้นเคยกันดีมาเป็นสื่อการสอนเพื่อเรียกความสนใจทั้งเกม Minecraft หรือภาพยนตร์อย่าง Star Wars ซึ่งนี่นอกจากจะทำให้เด็กๆ เปิดใจได้ง่ายพร้อมที่จะเรียนรู้แล้วยังทำให้พวกเขาอินและสนุกที่จะเรียนรู้มากขึ้น

หรืออย่างค่าย Kano เองก็มีไม้กายสิทธิ์ของ Harry Potter ที่จะมาเป็นพร๊อบช่วยให้การเรียนเขียนโค้ด ทำให้การเรียนรู้บนหน้าจอน่าสนใจขึ้น เพราะนอกจากการเรียนเขียนโค้ดพื้นฐานแบบง่ายๆ ที่เป็นไปทีละขั้นทีละตอนแล้วเมื่อเด็กๆ เขียนได้ถูกต้องยังสามารถโบกไม้เพื่อร่ายเวทย์มนต์ของตัวเองได้ด้วย

ก่อนหน้านี้เรื่องเทคโนโลยีนั้นมักถูกมองว่าเป็นเรื่องของผู้ชายมาตลอดจนทำให้มีผู้หญิงที่ก้าวเข้าสู่อาชีพในสายนี้ในอัตราส่วนที่น้อยกว่าผู้ชายมาก แต่เมื่อทุกวันนี้เทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องของทุกคนแล้วเด็กผู้หญิงเองก็ควรจะก้าวข้ามอคติตรงนี้ด้วย งานนี้ทาง Mattel แบรนด์เจ้าของตุ๊กตา Barbie ที่เป็นของเล่นคู่กับเด็กผู้หญิงเลยหันมาจับมือกับบริษัทสอนโค้ดดิ้งอย่าง Tynker สร้างเกมสอนการขียนโค้ดให้เด็กๆ ได้เรียนผ่านทางหน้าเว็ปไซต์ไปทีละขั้นทีละตอนโดยมีบาร์บี้มาเป็นตัวดำเนินเรื่อง พร้อมยังได้ออกของเล่นที่เป็นตุ๊กตาบาร์บี้อาชีพวิศวกรหุ่นยนต์มาวางขายเพื่อเจาะกลุ่มตลาดเด็กผู้หญิงให้หันมาสนใจเรื่องการเขียนโปรแกรมมากขึ้นอีกทาง

นี่เป็นแค่ตัวอย่างบางส่วนที่ทำให้เราได้เห็นเทรนที่เกิดขึ้นว่าในต่างประเทศเขามีการตื่นตัวและเริ่มปลูกฝังเด็กๆ กันอย่างไรเพื่อให้โตไปพร้อมรับปรับเข้าทันกับโลกยุคดิจิตอลที่นับวันจะยิ่งหมุนไปไวกว่าเคย แต่ไม่ใช่แค่กับต่างชาติเพราะทุกวันนี้โลกเราเป็นโลกที่ไร้พรมแดน เทรนเหล่านี้เองจึงเป็นสิ่งที่เราต้องใส่ใจ เริ่มคิดและวางแผนอย่างจริงจังด้วยเหมือนกันค่ะ :]