ไม้เซลฟี่อาจตอบโจทย์เทรนได้ดีแต่อาจไม่เป็นที่ต้อนรับในหลายๆ ที่
ยุคนี้สมาร์ทโฟนของเรามาพร้อมความสามารถที่ครบครัน นอกจากจะใช้โทรได้ ใช้สื่อสารได้แล้วมันยังสามารถช่วยถ่ายภาพเก็บความประทับใจให้เราได้อีกด้วย ซึ่งเมื่อพูดถึงการถ่ายภาพแล้ว ในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักกับการถ่าย selfie นะคะ คำว่า Selfie และกระแสการถ่ายภาพแบบนี้มาแรงจน Oxford Dictionaries ต้องยกให้เป็นคำศัพท์แห่งปี 2013 เลยทีเดียว
สำหรับการ Selfie คือการที่บุคคลหนึ่งถ่ายภาพตัวเองเพื่อนำไปเผยแพร่สู่สาธารณชน และเชื่อหรือไม่ว่าจริงๆ คำนี้ถูกใช้มาตั้งแต่ปี 2545 แล้วในประเทศออสเตรเลีย ก่อนที่จะถูกนำมาใช้บนเว็ปไซต์ Flicker ในปี 2547 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนนี้ค่ะ และแน่นอนว่าเมื่อเทรนมาอุปกรณ์ก็ต้องมี “ไม้เซลฟี่” จึงได้ถูกเริ่มคิดขึ้นตั้งแต่ปี 1995 หรือตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว! เพื่อให้การถ่ายภาพ Selfie นั้นง่าย สะดวก ไม่ต้องกวนคนไม่รู้จักถ่ายให้ แถมยังได้มุมมองที่กว้างขึ้นเก็บวิวสวยงามหรือเก็บภาพถ่ายแบบกลุ่มหรือ Wefie ได้อีกด้วย
โดยลักษณะของอุปกรณ์นี้จะเป็นไม้ที่สามารถยืด-หดได้ ที่ปลายด้านหนึ่งมีแท่นหรือตัวหนีบเพื่อใช้ยึดสมาร์ทโหนเอาไว้ เวลาใช้งานก็แค่ยึดมือถือกับที่ยึด เลือกมุมและกดตั้งเวลาถ่ายภาพบนมือถือ ยืดไม้ออกไปตามความยาวที่และมุมที่เหมาะสม และรอนับเวลาถอยหลังเพื่อแชะภาพ หรือบางไม้อาจล้ำกว่านั้นกด้วยการใส่ปุ่มกดชัตเตอร์แบบไร้สายมาให้ที่ปลายที่จับของไม้ช่วยอำนวยความสะดวกให้แชะภาพได้ตามใจโดยไม่ต้องตั้งเวลาไว้ล่วงหน้า
และแน่นอนว่าเมื่อตอบโจทย์เทรนแบบนี้ไม้เซลฟี่จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่หลายๆ คนต้องพกติดตัวไปไหนต่อไหนด้วยเสมอ แถมยิ่งเวลาผ่านไปก็ดูเหมือนว่าพัฒนาการของอุปกรณ์ชนิดนี้จะมีมากขึ้นจาก stick ธรรมดา มาเป็น stick แบบมีปุ่มชัตดตอร์ไร้สาย รวมไปถึงมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาของ stick เหล่านี้ให้ล้ำและแหวกแนวมากขึ้น อย่างล่าสุดก็มีคนคิดค้น Selfie Arm ไม้เซลฟี่รูปมือสำหรับคนโสดที่อยากแอ๊บว่ามีแฟนออกมาแล้ว เมื่อเวลาที่เราต้องการจะถ่ายภาพก็ให้กุมมือนี้ไว้แทนที่จับตามปกติ ภาพที่ออกมาจะดูเหมือนเรากำลังกุมมือหรือจูงมือคนรักไปเที่ยว ทำให้ “มีรูปคู่” ไว้โพสอวดชาวโซเชียลได้แม้จะโสดก็ตามค่ะ
ซึ่งจริงๆ ไอเดียการถ่ายภาพโดยจูงมือคนรักไปตามที่ต่างๆ แบบนี้เป็นของมิวราด ออสมานน์ ช่างภาพชาวรัสเซียกับผลงานชุด “Follow Me” ที่ถ่ายภาพแฟนสาวกำลังจูงมือเขาไปท่องเที่ยวตามสถานที่สวยงามต่างๆ ทั่วโลกนั่นเองค่ะ
แต่แม้ว่ากระแสและไม้เซลฟี่นี้จะเป็นที่นิมกันอย่างแพร่หลายแต่เชื่อหรือไม่ว่าหลายๆ คนกลับไม่ชื่นชอบไอเดียนี้นัก และไม้เซลฟี่เองก็ถูกแบนจากหลายๆ สถานที่เช่นกัน อย่างเช่นในพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น Metropolitan Museum of Art, National Gallery of Art หรือ Museum of Fine Arts ก็เริ่มออกกฎ ห้ามไม่ให้ผู้เข้าชมใช้ไม้เซลฟี่ภายในพิพิธภัณฑ์แล้วโดยให้เหตุผลว่าในการที่ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์จำนวนมากการใช้ไม้เซลฟี่อาจเป็นการรบกวนผู้เข้าชมรายอื่นๆ ได้ แถมเสี่ยงที่สร้างความเสียหายให้กับผลงานศิลปะและอาจได้รับบาดเจ็บจากการหาท่าโพสสวยๆ จนลืมมองขั้นบันได
หรืออย่างบรรดาสโมสรฟุตบอลในอังกฤษทั้ง อาร์เซน่อล ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส เองได้ออกกฎห้ามแฟนบอลนำไม้เซลฟี่เข้าสนามด้วยเช่นกัน โดยให้เหตุผลว่านอกจากจะรบกวนการชมบอลของผู้อื่นแล้วไม้เซลฟี่ยังอาจกลายมาเป็นอาวุธเมื่อเกิดกรณีทะเลาะวิวาทได้อีกด้วย
นอกจากนี้กรณีล่าสุดกับการประชุมครั้งใหญ่ประจำปีของทางค่าย Apple อย่าง WWDC 2015 ที่จะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายนนี้ในซานฟรานซิสโกเองก็มีกฎห้ามผู้เข้าร่วมงานถ่ายรูปโดยใช้กล้องพิเศษอย่างโกโปร รวมถึงไม้เซลฟี่ ซึ่งหากใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกเชิญออกจากประชุมทันทีเพราะไม่ต้องการให้เกิดการรบกวนระหว่างกันในการประชุมนั่นเอง
แต่ว่านอกจากเรื่องข้อเสียของไม้เซลฟี่แล้วการถ่าย selfie เองก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันด้วย ซึ่งเรื่องนี้ พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่าการโพสภาพแล้วมีคนกดไลค์น้อย ไปจนถึงการแสดงความคิดเห็นในแง่ลบนั้นสามารถกัดกร่อนความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตัวเองได้จนอาจจะนำไปสู่ความกังวล ลังเล และชีวิตไม่มีความสุขอีกด้วยนะ … จริงๆ ทุกๆ อย่างก็เป็นเหมือนเหรียญสองด้านมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ทั้งนี้อยู่ที่ผู้ใช้งานอย่างเราๆ ว่าจะรู้จักความพอดีแค่ไหน จะเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีหรือเป็นคนที่ถูกเทคโนโลยีใช้!