เดี๋ยวนี้คนเราห่างกันแค่ 3.5 degrees of separation เมื่อมีเน็ตและ FB
เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเคยเจอปรากฏการณ์ โลกกลม อยู่บ่อยครั้ง แต่เชื่อหรือไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่ใช่ความบังเอิญเพราะก่อนหน้านี้เคยมีคนบัญญัติทฤษฎี Six Degrees of Separation มาแล้ว ซึ่งไอเดียนี้เริ่มมาตั้งแต่ปีค.ศ.1929 โดยนักเขียนชาวฮังกาเรียนคนหนึ่งตั้งสมมุติฐานไว้ว่าไม่ว่าเราจะถ้าสุ่มใครก็ได้ในโลกนี้ขึ้นมา 2 คน จะพบว่าคน 2 คนนี้จะอยู่ห่างกันไม่เกิน 6 ช่วงของการเช็คแฮนด์
ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างนาย A อยู่ในฮังการี กับ นาย ก. อยู่เมืองไทยนั้น จะเป็นไปได้ว่า นาย A รู้จักกับนาย B ชาวอังกฤษซึ่งเคยเดินทางมาฮ่องกงและรู้จักกับนาย C ชาวฮ่องกง ส่วนนาย C นั้นเคยมาเที่ยวเมืองไทย และเคยมาพบกับนาย ข . เพื่อนของนาย ก. อีกที แบบนี้แปลว่าระหว่างนาย A และ นาย ก. มีคนคั่นอยู่แค่ 3 ทอดเท่านั้น ต่อมาแนวคิดนี้ได้รับการศึกษาต่ออย่างจริงจังจนเป็นที่เชื่อกันแพร่หลายถึงปัจจุบัน
แต่ล่าสุดทีมวิจัยได้ไปสำรวจสื่อโซเชียลชื่อดังอย่าง Facebook กลับเสนอสถิติใหม่ของทฤษฎีนี้ว่าจริงๆ ไม่ต้องถึง 6 degree แล้ว เดี๋ยวนี้เราแต่ละคนบนโลกอยู่ห่างกันแค่ 3 degrees of separation เท่านั้นเอง!
โดยได้มีการไปศึกษาสถิติของผู้ใช้งาน Facebook ราว 1.59 พันล้านคนพบว่าคนส่วนมากนั้นจะห่างกันเฉลี่ยเพียงแค่ 3.57ทอดเท่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่าอินเตอร์เน็ทและสื่อโซเชียลในปัจจุบันช่วยย่อโลกของเราให้เล็กลงและเปิดโอกาสให้เราอาจจะรู้จักกับคนอีกซีกโลกได้แบบไม่อยากเย็น
แต่ทั้งนี้ก็ยังมีข้อถกเถียงว่าการที่ไปดูสถิติจากผู้ใช้งาน Facebook นั้นจะสามารถอ้างเป็นตัวแทนของคนทั้งโลกได้หรือไม่ในเมื่อสัดส่วนของผู้ใช้งานนั้นมีแค่ 1.59 พันล้านคน เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของทั้งโลกคือกว่า 7พันล้านคนก็ถือว่ายังน้อยมาก แถมในจำนวน 7พันล้านคนนี้ยังมีคนอีกกว่า 4พันล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย … แต่ไม่ว่าจะอย่างไรสำหรับคนที่เล่น Facebook เราก็อาจจะใกล้กันกว่าที่คิดมากทีเดียวนะคะ ถ้าอยากรู้ว่าจะใกล้แค่ไหนก็ลองเข้าไปเช็คได้ที่ https://research.facebook.com/blog/three-and-a-half-degrees-of-separation ค่ะ
Source: huffingtonpost