เป็นธรรมดาของสรรพสิ่งที่มันจะสามารถหายตัวไปจากเราได้ในบางเวลาเพราะแม้มันจะไม่มีขาเดินไปไหนได้ตามใจแต่เก่งว่ามันต้องมีเวทมนต์ย้ายตัวเองไปซ่อนตัวจากเราแน่ๆ เลยทำให้เรามักจะหาของที่ต้องการใช้ไม่ค่อยเจอ อย่างเก่งเองแม้จะเป็นคนที่ถือมือถือติดตัวแทบจะตลอดเวลาแต่ถ้าลองวางเครื่องลงสักพักเท่านั้นหละ หาไม่เจอแล้ว! หรือบางคนก็อาจจะเจอเรื่องแบบนี้เป็นกับกุญแจรถ หรือรีโมททีวีเนาะ

และแน่นอนค่ะว่าการควานหาของในเวลาเร่งรีบก็เป็นอะไรที่ทำให้เราหงุดหงิดได้มากทีเดียว เก่งเลยต้องไปหาเหล่า Tracker หรือบรรดาแกดเจ็ตที่ระบุตำแหน่งของมาใช้ ซึ่งเอาจริงๆ tracker แนวนี้มีหลากหลายยี่ห้อมาก ต่างกันที่รูปร่าง ราคาและฟีเจอร์แต่หลักการการใช้งานจะคล้ายกัน ซึ่งการหาของหายในระยะใกล้ๆ แบบนี้เราก็จะใช้ tracker ที่เป็นบลูทูธเป็นหลักค่ะ วันนี้เลยไปหยิบ TrackR pixel มาลองใช้ดู ส่วนจะเป็นยังไงเดี๋ยวมาดูรีวิวกันค่ะ

TrackR pixel เป็นตัวติดตามของขนาดเล็กเท่ากับเหรียญ 5บาทเอง ตัวเครื่องบาง น้ำหนักเบาให้เราเอาไปห้อย ไปแปะกับสิ่งที่อาจจะหายไปจากเราได้อย่าง กระเป๋า รีโมท หมา(อ้อๆ แต่มันไม่กันน้ำนะ อาจจะต้องดูพฤติกรรมของน้องหมาด้วยนะคะ) หรือแฟน! มาพร้อมไฟ LED และยังสามารถส่งเสียงเตือนให้เราหาเจอได้ง่ายขึ้นจากระยะไกล ซึ่งอันนี้จะทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่นของ TrackeR เองค่ะ

แต่ความดีงามกว่า Tracker ตัวอื่นๆ คือมันสามารถสร้างเป็นคอมมูนิตี้ที่เข้มแข็งในการช่วยกันหาของได้ค่ะ! คือบางเคสที่เราไปลืมของไว้ไกลเกินระยะบลูทูธมันก็จะบอกได้แค่ตำแหน่งสุดท้ายที่เหลือก็บ๊ายบาย ที่นี้ก็ขึ้นกับการใช้ดวงและความสามารถไปตามหากันเอาเอง แต่ว่าของ TrackR pixel เนี่ยจะมีโหมดให้เราเปิดแชร์โลเคชั่นกับคนอื่นๆ ที่ใช้ TrackeR ด้วยกัน เผื่อไว้เวลาไปนอกบ้านแล้วไปลืมของไว้ถ้ามันหลุดจากระยะบลูธูทเราไปมันก็จะยังอยู่ในระยะบลูธูทของคนอื่นๆ ที่ใช้แอปนี้แล้วเมื่อมีผู้ใช้งานคนอื่นเดินเข้าใกล้รัศมี Tracker ของเรามันก็จะแจ้งเตือน บอกพิกัดมาให้เราได้เลย! ดีงามมากๆ เป็นการลดข้อจำกัดของบลูธูทแบบเดิมๆ ไปเลย แต่ว่า! นั่นหมายความว่าต้องมีคนที่ใช้แอปตัวนี้มากพอที่จะช่วยเราให้หาของเจอได้ด้วย (ซึ่งจากเท่าที่ตัวแอปบอกมตอนนี้ก็มีผู้ใช้หลักพันกว่าๆ อยู่เหมือนกันนะ)

ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจก็จะมี Group ที่ให้เรา add คนที่ต้องการเพื่อสามารถร่วมด้วยช่วยกันหาของได้ และสามารถเลือกตั้งค่าให้ Pixel ร้องเตือนเมื่ออยู่ห่างจากมือถือของเราเกินระยะบลูธูท หรือในทางกลับกันจะให้แจ้งเตือนบนมือถือของเราแทนเพื่อกันลืมของก็ได้เช่นกันค่ะ

ส่วนเรื่องของการใช้งานโดยรวมนั้นไม่ได้มีอะไรยุ่งยากค่ะ โหลดแอป TrackeR มาติดเครื่องไว้ เปิดเข้าไปเลือกรุ่น (คือค่ายนี้เขาทำ tracker ออกมาหลายรุ่นแล้ว) แล้วก็ไป pair เจ้า TrackR pixel ของเราเข้ากับแอป ด้วยการเปิดบลูธูทมือถือแล้วกดที่ปุ่มด้านล่างตัว tracker ค้างไว้ให้ขึ้นไฟกระพริบสีฟ้า เมื่อ pair เรียบร้อยแล้วก็กดสมัคร account กับเขาซะหน่อย แค่นี้ก็เริ่มใช้งานได้เลย

หน้าตาแอปก็ไม่ได้มีอะไรวุ่นวาย เวลาหาของไม่เจอก็เข้ามากดปุ่มให้กดเพื่อเรียกตัว tracker ให้ส่งเสียง เปล่งแสงได้เลย แต่ถ้าไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกอันนี้ก็มีแผนที่ระบุตำแหน่งของ tracker และสิ่งของของเราให้ไปตามหากันได้ที่ด้านบนแอป เมื่อกดเข้าไปก็จะเด้งเข้าสู่หน้า Google Maps ให้เรากดนำทางตามไปได้เลย


แต่ถ้าเราหามือถือไม่เจอหละ!? อันนี้เป็นเรื่องที่หลายๆ คนน่าจะเป็นกัน วางไว้ส่วนไหนของบ้านไม่รู้ หาดูยังไงก็ไม่เจอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงใช้เบอร์บ้านหรือมือถือคนอื่นมาโทรเข้า แต่ถ้าเรายังมีตัว tracker อยู่นี่ไม่ต้องเลยค่ะ แค่กดปุ่มที่ตัว Tracker มันก็จะไปทำให้มือถือของเราส่งเสียงร้องออกมาเพื่อใช้ระบุตำแหน่งได้แล้ว

ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ TrackR pixel ใช้เป็นถ่ายกระดุม 3V แบนๆ ที่หาซื้อมาเปลี่ยนได้ไม่ยาก แต่ที่ยากกว่าคือการหมุนเพื่อเอาอีถ่านออกมาเปลี่ยนนี่หละ =.= คือที่ด้านหลังของ tracker จะมีลูกศรบอกทิศทางให้บิดเพื่อเปิด แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ง่ายเหมือนที่คิดเลยค่ะ! แถมอายุการใช้งานต่อการเปลี่ยนแบตครั้งนึงอยู่ได้แค่ราวๆ 3เดือนเอง ขณะที่คู่แข่งหลายๆ เจ้าสามารถใช้งานได้นานกว่านี้มากทำให้เรื่องนี้เป็นวามไม่สะดวกของ TrackR pixel ไปเลย

เมื่อลองใช้งานจริงแล้วแม้จะชอบไอเดียการแชร์ตำแหน่งเพื่อช่วยกันหาของที่หาย แต่เก่งออกจะยังไม่ปลื้มเรื่องของวัสดุที่ให้มา รู้สึกมันไม่สวย ไม่ทำให้เราอยากเอาไปห้อยโชว์อะไรขนาดนั้น แถมเรื่องของ GPS เองยังมีความคลาดเคลื่อนสูงมาก อย่างอันนี้ GPS เด้งว่าของอยู่ที่เดโช แต่จริงๆ แล้วตำแหน่งของที่ถูกต้องคืออยู่ที่เจริญนครโน่น คือห่างกันราวๆ 8กิโลเมตร ซึ่งความคลาดเคลื่อนระดับนี้เกินกว่าที่จะช่วยให้เราหาของเจอได้นะ =.=

ส่วนเรื่องราคาเองเจ้าตัวนี้วางชายในบ้านเราจะมีทั้งแบบเดี่ยวที่ 890บาท และแบบเป็นเซ็ท กล่องละ 3ชิ้น 1790บาท และ 5 ชิ้นที่ 2790บาท ซึ่งถือว่าไม่ได้ต่างจาก tracker เจ้าอื่นๆ ถ้าใครจะซื้อมาใช้แบบขำๆ กับของที่อยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด คือรู้ว่าอยู่แถวนี้หละแต่หาไม่เจอ อันนี้ไม่ขัดกัน แต่อย่างที่บอกไปว่าเจ้าตัวนี้ยังมีปัญหาเรื่องของความแม่นยำ ถ้าใครที่กะจะเอามาใช้งานตามหาของหายแบบจริงจังอาจจะไม่แนะนำค่ะ