About kawizara
ให้หุ่นยนต์ทำงานร้วมกันได้ด้วย macro-actions
August 26, 2015 | kawizaraในปัจจุบันนี้เริ่มมีบริษัทหรือร้านค้าหลายๆ แห่งนำเอาโดรนหรือหุ่นยนต์ต่างๆ เข้ามาใช้ในการส่งของหรือการให้บริการด้านต่างๆ กันมากขึ้นนะคะ แต่กระนั้นก็ยังไม่ค่อยเห็นมีใครนำเอาหุ่นยนต์มากกว่าหนึ่งตัวมาใช้งานร่วมกันนั่นเป็นเพราะมีความซับซ้อนมากกว่าและอาจทำให้การทำงานขาดประสิทธิภาพ
แต่ว่าล่าสุดที่งาน Robotics Science and Systems ทางทีมวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และห้องปฏิบัติการปัญญาประดิษฐ์ของ MIT ได้นำเสนอระบบใหม่อย่าง “macro-actions” ที่จะเข้ามาช่วยให้หุ่นยนต์มากกว่าหนึ่งตัวทำงานสอดคล้องกันได้รวดเร็ว แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้นที่สำคัญยังสามารถปฏิบัติงานได้แม้จะเจอสภาพแวดล้อมที่เหนือการคาดเดาอีกด้วย
โดยอัลกอลิทึ่มแบบใหม่นี้จะเข้ามาช่วยให้หุ่นยนต์ทั้ง 3ตัวนั้นสามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นร่วมกันได้ นอกจากจะเน้นไปที่การแก้ปัญหาทั่วไปที่พบในหุ่นยนต์อย่างเรื่องของเซ็นเซอร์ระบุตำแหน่งทั้งของตัวมันเองและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ที่อาจคลาดเคลื่อนทำให้หุ่นยนต์ต้องใช้เวลานานทำงานกว่าที่ควร หรือด้านการสื่อสารระหว่างหุนยนต์ด้วยกันที่ยังมีข้อจำกัดด้านระยะห่างเพราะหากอยู่ไกลเกินไปก็จะไม่สามารถติดต่อกันได้แล้วยังต้องรับมือกับเรื่องของความไม่แน่นอนอีกด้วย
ทั้งนี้ทางทีมผู้พัฒนาได้จำลองห้องทดลองเป็นบาร์ขนาดย่อมพร้อมนำหุ่นยนต์ 3ตัวมาเข้าร่วมในการทดลองนี้ 1ในนั้นคือ PR2 หรือหุ่นยนต์บาร์เทนเดอร์ ส่วนอีก 2ตัวนั้นเป็นหุ่นยนต์ Turtlebot หุ่นยนต์เสริฟ 4ล้อที่จะทำหน้าที่คอยเดินรับออเดอร์จากผู้คนตามโต๊ะต่างๆ ซึ่งนอกจากการรับออร์เดอร์แล้วพวกมันยังต้องคิดเผื่อถึงว่าหุ่นยนต์อีกตัวจะมาเสริฟเครื่องดื่มเมื่อไหร่เพื่อที่จะได้จัดรายการสั่งซื้อและคิวเสริฟต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านวิธีการแก้ปัญหาเรื่องความไม่แน่นอนนี้ก็คือโปรแกรมหุ่นยนต์ให้ทำงานต่างๆ เหมือนมนุษย์ มนุษย์ไม่คิดว่าเราจะต้องก้าวกี่ก้าว … Read More
หุ่นยนต์จะไว้ในมนุษย์ได้หรือไม่?
August 26, 2015 | kawizaraแม้หลายๆ คนจะแสดงความกังวลว่าเราจะไว้ใจหุ่นยนต์ได้แค่ไหน แต่ก็ยังมีความกังวลในมุมกลับกันว่าแล้วหุ่นยนต์หละจะไว้ในมนุษย์ได้หรือไม่?
อย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็มีการทดสอบร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยแม็คมาสเตอร์และมหาวิทยาลัยไรเออร์สันด้วยการส่งเจ้า Hitchbot หุ่นนักเดินทางที่มีจุดหมายจะข้ามทวีปแคนาดา สหรัฐฯ เยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ทโดยอาศัยการขอโบกรถไปยังสถานที่ต่างๆ โดยหากมีคนใจดีรับขึ้นรถระหว่างทางจะคอยเป็นเพื่อนพูดคุย เต้น ร้องเพลง หรือเล่นเกมส์ตอบคำถามกับคนขับไปตลอดทางจนถึงที่หมาย นอกจากนี้มันยังจะรายงานความคืบหน้าในการเดินทางผ่านทาง twitter เป็นระยะๆ ได้อีกด้วย ซึ่งวัตถุประสงค์ของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้คือเพื่อต้องการทดสอบน้ำใจของมนุษย์
แต่น่าเสียดายที่ออกเดินทางได้ไม่นานก็มีคนพบว่าเจ้าหุ่นที่ว่านี้ถูกจับแยกชิ้นส่วนนอนแน่นิ่งอยู่ข้างทางในเมืองฟิลาเดลเฟียเสียแล้ว พร้อม tweet ข้อความสุดท้ายไว้ว่า “Oh dear, my body was damaged, but I live on with all my friends. Sometimes bad … Read More
บริษัทไอทีร่วมกับ IWF หยุดสื่อลามกเด็กบนโลกออนไลน์
August 26, 2015 | kawizaraบรรดาบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ทั้ง Facebook, Google, Microsoft, Yahoo และ Twitter จับมือกับมูลนิธิ Internet Watch Foundation (IWF) ของสหราชอาณาจักรเพื่อร่วมกันหยุดสื่อลามกเด็กบนโลกออนไลน์
โดยทาง IWF จะใช้ระบบตรวจจับและบล็อกภาพที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศรวมถึงสื่อลามกเด็กต่างๆ จาก hashes หรือข้อมูลแทนตัวที่เกิดจากการเอาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาผ่านกระบวนการเพื่อย่อยข้อมูลก่อนที่จะทำการเข้ารหัส ซึ่งข้อมูลที่ได้จะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งนี่ก็เป็นเสมือนการแกะรอยนิ้วมือของอาชญากรบนโลกออนไลน์ โดยจะเริ่มวางระบบสำหรับตรวจสอบภาพที่ถูกอัพโหลดขึ้นไปยัง 5 สื่อไอทีเจ้าหลักก่อนที่จะขยายไปยังแหล่งอื่นๆ ต่อไป
และเมื่อระบบตรวจจับเจอภาพที่ไม่เหมาะสมมันจะไม่ให้เกิดการอัพโหลดภาพนั้นๆ หรือการแชร์บนโลกออนไลน์ทันที โดยตอนนี้ IWF คาดการณ์ว่าระบบนี้จะสามารถลบหน้าเว็บที่มีสื่อลามกเด็กได้ถึง 500เว็บต่อวัน
ซึ่งแม้ระบบนี้จะดีแต่ก็อาจจะยังไม่ครอบคลุมมากพอเพราะนอกจากจะสามารถตรวจจับได้แค่ภาพไม่รวมถึงคลิปวีดีโอต่างๆ แล้วในอีกด้านหนึ่งภาพลามกเด็กนั้นมีการเผยแพร่และส่งต่อมากกว่าแค่ในหน้าเว็บไซต์หลักๆ แต่ยังรวมถึงเครือข่ายแบบเพียร์ทูเพียร์ Peer-to-Peer ที่เป็นการเชื่อมต่อแลนแบบโครงข่ายโดยตรงระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และการเข้าเว็บไซต์แบบไม่ระบุตัวตนตามช่องทางอื่นๆ … Read More
เยอรมันชี้นโยบายบังคับให้ใช้ชื่อจริงของ Facebook นั้นละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
August 13, 2015 | kawizaraเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทาง Facebook ออกนโยบายให้ผู้ใช้งานทุกคนเปลี่ยนมาใช้ชื่อจริงใน Facebook ด้วยเหตุผลเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยในสังคมออนไลน์ ทั้งเป็นการจำกัดบัญชีผู้ใช้งานหนึ่งคนต่อหนึ่งบัญชี และยังเป็นการระบุตัวเจ้าของที่แท้จริงได้อย่างชัดเจนและจะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการหลอกลวงหรือการโกงในสังคมออนไลน์ได้อีกด้วย
แต่กระนั้นในข้อบังคับนี้เองก็ยังมีความไม่เห็นด้วยจากหลายๆ ฝ่ายเพราะบางคนก็มีชื่อในวงการที่เป็นที่รู้จักกันดีแต่ไม่ตรงกับชื่อจริง หรือในบางกรณีบางคนก็อาจใช้สื่อนี้เป็นที่หลีกหนีหรือที่ระบาย เช่น คนที่เพศสภาพไม่ตรงกับเพศกำเนิด และที่บ้านไม่รับรู้เป็นต้น
ล่าหน่วยงานที่ดูแลด้านความปลอดภัยของข้อมูลและควบคุมการใช้งาน Facebook ในเยอรมันอย่าง The Hamburg data protection authority ได้ออกมาประกาศชัดแล้วว่านโยบายดังกล่าวของ Facebook ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน ซึ่งนอกจากที่ Facebook จะไม่มีสิทธิบังคับให้ผู้ใช้งานต้องเปลี่ยนไปใช้ชื่อจริงแล้วยังห้ามไม่ให้ Facebook ขอหลักฐานการแสดงตัวตน อย่างเช่น บัตรประชาชน หรือไปเปลี่ยนชื่อบัญชีโดยที่ผู้ใช้งานไม่ยินยอมด้วย
ซึ่งที่มาของเรื่องนี้ก็มาจากการที่มีผู้หญิงคนหนึ่งไปร้องเรียนหลังถูก Facebook ระงับการเข้าใช้บัญชีเนื่องจากไม่ได้ใช้ชื่อจริง พร้อมทั้งขอให้เธอส่งหลักฐานยืนยันตัวตนและยังเปลี่ยนชื่อบัญชีผู้ใช้งานของเธอโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอมนั่นเองค่ะ
ส่วนทางด้าน Facebook เองก็ออกมาแสดงความผิดหวังกับข้อบังคับดังกล่าวพร้อมกล่าวว่านโยบายการใช้ชื่อจริงนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ทั้งยังเป็นการเพิ่มความปลอดให้ผู้ใช้งานได้รู้ว่ากำลังติดต่อพูดคุยกับใคร
ชาวอเมริกา 15% ยังคง offline
August 13, 2015 | kawizaraแม้ทุกวันนี้รัฐบาลในหลายๆ ประเทศรวมถึงอเมริกาจะสนับสนุนให้อินเตอร์เน็ทกลายเป็นหนึ่งในสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ กระนั้นกลับมีผู้ใหญ่ชาวอเมริกันราว 15% ที่ยังไม่เริ่มใช้งานอินเตอร์เน็ท ซึ่งแม้จะเป็นสัดส่วนที่ลดลงมากจากในปี 2000 ที่มีผลสำรวจจากทาง Pew Research Center ว่าประชากรชาวอเมริกันเกือบครึ่งประเทศหรือ 48%นั้นอยู่ในโลกออฟไลน์แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจไม่ใช่น้อยว่าในยุคที่ device ราคาถูก มีอินเตอร์เน็ทฟรีแบบนี้ทำไมคนบางส่วนถึงยังเลือกที่จะออฟไลน์
ผลสำรวจพบว่า 34% ของคนกลุ่มนี้ไม่คิดว่าอินเตอร์เน็ทจะมามีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเขาได้อย่างไรหรือไม่เข้าใจว่าจะใช้ไปทำไมนั่นเอง ส่วนอีก 32% บอกว่าการหัดใช้งานอินเตอร์เน็ทนั้นเป็นเรื่องยุ่งยากจึงเลือกที่จะไม่ใช้ อีก 8% บอกว่าพวกเขาแก่เกินที่จะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ และมีบางส่วนที่บอกว่าจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตและค่า device ไม่ไหว
ซึ่งการสำรวจนี้ยังพบว่าคนที่ไม่ใช้อินเตอร์เน็ทส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ โดยมีอัตราส่วนของผู้สูงอายุตั้งแต่ 65ปีขึ้นไปออฟไลน์ถึง 39% ซึ่งสูงกว่ากลุ่มคนวัย 18-29 ปีที่ออฟไลน์เพียงแค่ 3% มากทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่การสำรวจนี้อ้างถึงทั้งระดับการศึกษา … Read More
สถิติเผยยอดคนใช้อินเตอร์เน็ทบนสมาร์ทโฟนแซงหน้าทุกอุปกรณ์ไปไกลแล้ว
August 13, 2015 | kawizaraเมื่อก่อนถ้าเราพูดถึงเทคโนโลยีใกล้ๆ ตัว ใครๆ ก็คงคิดถึงคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป ซึ่งบิล เกตส์เองก็เคยบอกไว้ว่าวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ตั้งแต่ปี 1975 นั้นก็คือการให้ทุกบ้านมีคอมพิวเตอร์ไว้ใช้งานกัน เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งนั้นก็กลายเป็นจริงเพราะด้วยวิธีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปประกอบกับการพัฒนาเทคโนโลยีไปอย่างรวดเร็วและราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นทำให้ปัจจุบันนี้ไม่ว่าใครๆ ก็มีคอมพิวเตอร์พกติดตัวกันทั้งนั้น ต่างไปแค่ว่านิยาม “คอมพิวเตอร์” ของคนในยุคนี้อาจจะเปลี่ยนไปสักหน่อยเพราะเดี๋ยวนี้เราอาจเทียบสามาร์ทโฟนได้กับคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมๆ เพราะสมาร์ทโฟนถูกพัฒนามาให้ฉลาดมากขึ้น มีสามารถที่หลากหลายขึ้นจนใช้งานได้ไม่แพ้คอมพิวเตอร์ ตอบโจทย์ได้ทั้งเรื่องงานและการใช้ส่วนตัวจึงไม่น่าแปลกใจที่ใครๆ ก็มีไว้ครอบครอง และเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่น่าแปลกถ้าหากยอดขายของสมาร์ทโฟนจะพุ่งสูงแซงยอดขายของแล็ปท็อปด้วยเช่นกัน
จากผลการสำรวจในเอเชียระหว่างปี 2010-2014 เองก็พบว่าความนิยมของแล็ปท็อปนั้นลดลงแต่กลับถูกแทนที่ด้วยสมาร์ทโฟนที่มียอดขายสูงขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยช่วง 4 ปีที่ผ่านมายอดขายสมาร์ทโฟนโตขึ้นถึง 1,220% หรือขายได้กว่า 13,331,017 ยูนิตเลยทีเดียว ในขณะที่ยอดขายของ PC และแล็ปท็อปกลับเพิ่มขึ้นเพียง 28% เท่านั้น พร้อมกันนี้ผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีในไทยก็พบว่าใช้สมาร์ทโฟนกันมากเป็นอันดับหนึ่งถึง 70% ส่วนแล็ปท็อปตัวนั้นอยูที่สัดส่วนเพียง 13%
และเมื่อเรามีอุปกรณ์ที่พกติดตัวได้ ใช้งานง่ายประกอบกับอินเตอร์เน็ทที่ราคาถูกลงและครอบคลุมมากขึ้นก็จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่อัตราการเข้าใช้งานอินเตอร์เน็ทจากสมาร์ทโฟนจะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งนี่ก็สอดคล้องกับผลสำรวจจาก … Read More
Foaster “เครื่องปิ้งขนมปัง” ช่วยชาร์จสมาร์ทโฟน!
August 9, 2015 | kawizaraปัจจุบันนี้เวลาที่เราจะเสียบชาร์จมือถือหรือแท็บเล็ทกันทีดูเป็นเรื่องยุ่งไปหมดนะคะ เพราะเดี๋ยวนี้หนึ่งคนก็มีมากกว่าหนึ่งเครื่องเวลาร์จไฟแต่ละทีสายเสยเลยปนกันไปทับกันมาให้วุ่นวาย ล่าสุดก็เลยมีคนออก gadget ไอเดียเจ๋งที่จะมาช่วยจัดระเบียบสายชาร์จพร้อมมีการจัดที่จัดทางให้ device ของเราไปด้วยในตัวกับ “เครื่องปิ้งขนมปัง” ค่ะ
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่าเครื่องปิ้งขนมปังมันจะไปเกี่ยวกะไรกับมือถือใช่ไหมคะ? แต่ว่าเจ้าเครื่องปิ้งที่ชื่อ Foaster แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูเหมือนที่ปิ้งขนมปังธรรมดาแต่มันก็ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้สามารถชาร์จมือถือได้จริงๆ (แต่ปิ้งขนมปังไม่ได้นะคะ!)
โดยมันจะมาพร้อมช่อง 4ช่องให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใส่สายชาร์จหัวต่างๆ ไว้ที่ฐานของเครื่องปิ้งได้ซึ่งก็จะรองรับได้ทุกค่ายทุกระบบปฏิบัติการ จากนั้นเวลาจะชาร์จมือถือก็แค่เสียบลงไปในช่องปิ้งขนมปังเพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว ชาร์จได้ถึง 4เครื่องแต่เหลือสายของเครื่องปิ้งขนมปังออกมาเสียบกับปลั๊กภายนอกแค่อันเดียวจึงไม่รกหูรกตาแถมยังไม่เปลืองเนื้อที่อีกด้วย
ส่วนถ้าใครอยากชาร์จมือถือเครื่องใหญ่ๆ หรือจะไปจนถึงแท็บเล็ทก็ไม่มีปัญหาค่ะเพราะแค่ดันคันโยกลง ช่องตรงกลางของเจ้า Foaster ก็จะแยกออกจากกันทำให้มีช่องว่างพอใส่ device เครื่องใหญ่ๆ ได้เลย
สำหรับคนที่สนใจอยากได้เครื่องครัว เอ้ย! แท่นชาร์จแบตเก๋ๆ แบบนี้ก็รอสั่งจองกันได้เร็วๆ นี้ หรือถ้าอยากติดตามความคืบหน้าของ Foaster ก็ไปลงทะเบียนที่หน้าเว็ปไซต์ … Read More
Qualcomm เตรียมส่งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบบไร้สายลงตลาด
August 9, 2015 | kawizaraเดี๋ยวนี้เราหันมาใส่ใจเรื่องพลังงานทางเลือกมากขึ้น อย่างรถยนต์เองเดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยนจากการใช้พลังงานสิ้นเปลืองที่ก่อให้เกิดก๊าซพิษอย่างน้ำมันมาเป็นการใชัพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดกันมากขึ้น อย่างที่เราได้เคยเสนอเรื่องการสร้างโรงงาน Gigafactory ของ Tesla แต่กระนั้นแม้รถยนต์ไฟฟ้าจะรักโลกแต่เราก็ยังไม่คนใช้รถแบบนี้กันอย่างแพร่หลายนัก ประเด็นหลักๆ อาจจะเป็นเพราะขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จต่างจากปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ทั่วไปบนท้องถนน
ก่อนหน้านี้ทางค่ายผู้ผลิตรถยนต์อย่าง BMW ก็เคยได้เปิดตัแนวคิดที่จะดัดแปลงเสาไฟบนถนนที่มีอยู่เดิมให้เป็นจุดจอดเพื่อเสียบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากจะใช้งบประมาณไม่มากและขยายให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ได้ไม่ยากแล้วแล้วยังช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถเดินทางระยะไกลได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางทางอีกด้วย โดยการชาร์จนี้ต้องใช้ร่วมกับแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมการชาร์จและการชำระค่าไฟ ระหว่างการชาร์จเจ้าของรถก็แค่นั่งรออยู่บนรถจนกว่าจะมีข้อความแจ้งเตือนบนหน้าแอพพลิเคชั่นว่าไฟเต็มแล้ว
แต่ว่าล่าสุดล้ำกว่านั้นค่ะ เมื่อทาง Qualcomm บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีการชาร์จกำลังพัฒนาการชาร์จแบบไร้สายให้กับรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Halo ซึ่งเป็นการชาร์จประจุไฟฟ้าแบบเหนี่ยวนำ เปลี่ยนกระแสไฟฟ้าให้เป็นสนามแม่เหล็กแล้วแผ่ออกไปบนแผ่นเพลตและใช้การเหนี่ยวนำกระแสไฟฟ้าชาร์จแบตเตอรี่ได้โดยตรง ทั้งนี้เขาจะทำโดยการฝังแผ่นเพลตตัวชาร์จไว้บนพื้นลานจอดรถแบบ park-to-charge งานนี้แค่ขับรถไปจอดไว้ในลานจอดที่รองรับเทคโนโลยีดังกล่าวมันก็จะชาร์จรถให้ทันทีขณะที่เราลงไปทำธุระต่างๆ เมื่อกลับมาที่รถก็พร้อมออกเดินทางได้ทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลารอ
ตอนนี้ทางค่ายเริ่มทดลอง Halo กับรถที่ใช้ในการแข่งขัน Formula E หรือการแข่งขันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้ทดลองใช้ในวงกว้าง นอกจากนี้ทาง Qualcomm … Read More
ยักษ์ใหญ่วงการไอทีลงนามช่วยกันลดโลกร้อน
August 8, 2015 | kawizaraเพราะโลกคือบ้านของทุกๆ คนและทุกๆ ภาคส่วนควรที่จะต้องออกมาช่วยกันดูแลโลกไม่ใช่แค่เพื่อความเป็นอยู่ของคนยุคเราแต่ยังรวมไปถึงการวางรากฐานที่ยั่งยืนให้กับยุคของลูกหลานด้วย ล่าสุดบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ทั้ง Apple, Microsoft, Google และบริษัทอื่นๆ ได้ออกมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐเพื่อร่วมผลักดันการลงมติในการประชุมระดับโลกเรื่องภาวะโลกร้อนที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมนี้ที่กรุงปารีส ซึ่งนี่ก็จะรวมไปถึงเรื่องการใช้พลังงานทดแทน, การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ภาวะโลกร้อนหรือภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดจากการที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือนกระจกซึ่งมีต้นเหตุจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์ และคลอโรฟลูโรคาร์บอน ที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะหลังๆ ทั้งจากการทำลายป่าไม้ การขนส่ง และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ผลก็คือทำให้เกิดความผกผันของกระแสอากาศโลกบริเวณเส้นศูนย์สูตรและเกิดภัยพิบัติธรรมชาติตามมามากมายซึ่งกระทบต่อผู้คนทั่วโลก
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องหารือถึงมาตรการเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายของประธานาธิปดีบารัค โอบามาที่วางเป้าหมายจะลดก๊าซเรือนกระจกของอเมริกาลงไปอยู่ที่ 26% ภายในปี 2025 ทั้งนี้บริษัทต่างๆ จะร่วมกันลงนามใน “American Business Act on Climate pledge” เพื่อแสดงออกถึงการเรียกร้องให้มีมาตรการจัดการเรื่องภาวะโลกร้อน ซึ่งทุกฝ่ายก็หวังว่าเสียสะท้อนจากทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วโลกเหล่านี้จะช่วยน่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจในการประชุมดังกล่าวได้
ซึ่งนอกจากการลงนามความร่วมมือแล้วเหล่าบริษัทไอทียังได้มีข้อตกลงร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของตนลงอีกด้วย โดยคาดว่าจะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากถึง 140 ล้านดอลล่าร์ และจะมีพลังงานหมุนเวียนเกิดขึ้นอีกกว่า … Read More
Visual Internet ยุคที่ภาพอาจสื่อความได้มากกว่าที่เห็น
July 31, 2015 | kawizaraเราคงปฏิเสธไม่ได้นะคะว่าหนึ่งในความสำเร็จของสมาร์โฟนที่เกิดขึ้นในยุคของเราก็คือการที่มันมาพร้อมกล้องดีๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราถ่ายภาพสิ่งต่างๆ ที่เราพบเห็นกันมากขึ้นและในยุคไอทีที่อินเตอร์เน็ทกำลังจะกลายมาเป็นสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เกิดการแชร์ต่อไปยังโลกออนไลน์ คาดกันว่าแค่ภายในปี 2015 เองพวกเราก็มีภาพถ่ายกว่าล้านล้านภาพซึ่งนับว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวงมนุษยชาติเลยก็ว่าได้
และภาพถ่ายมากมายขนาดนี้ในมุมหนึ่งมันก็คือ Big Data ที่สะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม สะท้อนวัฒนธรรม แนวคิด หรือความเป็นอยู่ของผู้คนในช่วงนั้นๆ ด้วย และจะดีแค่ไหนหากเราสามารถเชื่อมโยงและมีวิธีในการจัดการภาพที่บอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความคิดของผู้คนหรือสิ่งที่เกิดขึ้นในยุคนั้นๆ ได้ จนเป็นที่มาของคำว่า Visual Internet หรือยุคที่ผู้คนจะต้องเข้าใจและรู้จักนำเอาภาพที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ด้วย
ซึ่งภาพแต่ละภาพนั้นมองได้เป็น 2ความหมายทั้งแบบ windows ที่พูดถึงรายละเอียดต่างๆ ของสิ่งที่อยู่ในภาพแบบตรงๆ เช่นมีบ้าน ต้นไม้ หรือคนอยู่ในภาพนั้นๆ และในแบบ mirrors ที่มองภาพผ่านอัลกอลิทึ่มต่างๆ อย่างเช่นของ Google ที่ช่วยให้เราค้นหาภาพถ่ายที่ต้องการได้จากหน้าเว็บไซต์ เช่นหากเราพิมพ์คำว่า beauty หรือ ความงาม … Read More
แพทย์ฝ่าตัดฝังไมโครชิปรักษาผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมสำเร็จแล้ว
July 31, 2015 | kawizaraเดี๋ยวนี้การแพทย์ของเราก้าวหน้าไปมากจนเรื่องการรักษาด้วยเทคโนโลยีการฝังลูกตาเทียมนั้นไม่เป็นเรื่องไกลเกินตัวแล้วค่ะ เพราะล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาไมโครชิปที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมได้แล้ว หลังศัลยแพทย์ชาวอังกฤษประสบความสำเร็จในการผ่าตัดฝังชิป Argus II ให้กับผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมอย่างนาย Ray Flynn วัย 80 ปีและช่วยให้เขาสามารถกลับมามองเห็นโครงร่างของคนและสิ่งของต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
ซึ่งโรคจอประสาทตาเสื่อมของ Ray Flynn นั้นเป็นแบบแห้งซึ่งเป็นรูปแบบที่พบมากที่สุด เกิดจากการเสื่อมของจุดกลางรับภาพจอประสาทตาตามอายุ ที่แม้จะไม่ทำให้การมองเห็นมืดสนิทไปทั้งหมดแต่ทำให้สูญเสียการมองเห็นเฉพาะภาพตรงกลาง โดยที่ภาพด้านข้างของการมองเห็นยังดีอยู่ แต่นี่จะเป็นการค่อยๆ ลดความสามารถในการมองเห็นลงไปอย่างช้าๆ เพราะการเสื่อมนั้นทำให้ตัวรับแสงไม่สามารถแปลงแสงให้กลายเป็นสัญญาณประสาทส่งผ่านภาพไปยังเส้นประสาทตาได้ ทั้งๆที่เส้นประสาทตานั้นยังดีอยู่
ดังนั้นศัลยแพทย์จึงได้ทำการการผ่าตัดฝังไมโครชิปลงไปที่เนื้อเยื่อของจอประสาทตาของผู้ป่วย ทั้งนี้ยังจะต้องทำงานร่วมกับแว่นตาพิเศษที่ติดกล้องเอาไว้เพื่อรับภาพที่เห็นก่อนจะส่งภาพนั้นไปที่กล่องแปลงสัญญาณเพื่อแปลงจากสัญญาณภาพให้เป็นสัญญาณไฟฟ้าก่อนส่งสัญญาณดังกล่าวแบบไร้สายไปยังขั้วไฟฟ้าที่ไมโครชิปในตาเพื่อส่งต่อไปยังสมองเพื่อประมวลผลออกมาเป็นภาพต่อไป
ซึ่งนี่ถือเป็นสัญญาณที่ดีเพราะหากเทคโนโลยีดังกล่าวสามารถใช้ได้จริงอย่างแพร่หลายแล้วหละก็จะเป็นการช่วยแก้ปัญหาด้านการมองเห็นจากโรคจอประสาทตาเสื่อมที่พบมากในผู้สูงอายุกว่า 25 ล้านคนทั่วโลกค่ะ
Source: mashable, phyathai
นาซ่าเผยการวาร์ปข้ามอวกาศไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง
July 31, 2015 | kawizaraเชื่อว่าหลายๆ คนคงรู้จักการวาร์ปหรือการหายตัวจากที่หนึ่งแล้วไปโผล่ยังอีกที่หนึ่งได้ในเวลาพริบตา ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นได้ทั้งจากในเกมและในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ยกตัวอย่างที่เห็นชัดๆ เลยก็คือเรื่อง Star Trek ที่ใช้ยานอวกาศขับเคลื่อนด้วยการวาร์ป ซึ่งจริงๆ แล้วหลักนี้มีพื้นฐานมาจากทฤษฏีสัมพัทธภาพของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ แต่กระนั้นไอน์สไตน์เองก็ระบุไว้ว่าการเดินทางที่เร็วกว่าแสงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่เชื่อหรือไม่ว่าเรื่องของการวาร์ปนั้นจะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไปเมื่อดร.ฮาโรลด์ ไวต์ นักวิจัยขององค์การนาซา จากศูนย์อวกาศลินดอน บี จอห์นสันเผยว่ามีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะเดินทางด้วยความเร็วสูงกว่าแสงและวาร์ปไปยังที่ต่างๆ ได้ในเวลาพริบตาจริงๆ ด้วยการพยายามพิสูจน์ทฤษฎีของนักฟิสิกส์ชาวเม็กซิกันอย่างมิเกล อัลคับเบียร์ที่เสนอว่าความเร็วเหนือแสงนั้นเป็นไปได้หากเราค้นพบวิธีที่จะควบคุมการขยายและการหดตัวของ Space Time หรือ กาลอวกาศ
พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวภาพต้นแบบของยานอวกาศ IXS Enterprise ที่จะช่วยพาเราวาร์ปไปสำรวจจักรวาลซึ่งเป็นผลงานของมาร์ก เรดเมเกอร์ โดยยานดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพของ แมท เจฟเฟอรี่ในช่วงปี 1960 โดยตัวยานจะมีรูปร่างเพรียวบางและตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างวงแหวนสองวง